ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

อาร์เซน่อล แสดงให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รู้ถึงสัจธรรมชีวิตว่าไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า เมื่อจัดการยัดเยียดความปราชัยให้กับพวกเขาด้วยสกอร์ 2-0 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ "ผีแดง" ต้องเจอกับความพ่ายแพ้ในเกมลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามากุมบังเหียน

ไม่มีใครค้ำฟ้า ! ผ่า 5 ข้อ แมนยู โดน อาร์เซน่อล ยัดเยียดความปราชัย
arrow_drop_down

ไม่มีใครค้ำฟ้า ! ผ่า 5 ข้อ แมนยู โดน อาร์เซน่อล ยัดเยียดความปราชัย

อาร์เซน่อล แสดงให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รู้ถึงสัจธรรมชีวิตว่าไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า เมื่อจัดการยัดเยียดความปราชัยให้กับพวกเขาด้วยสกอร์ 2-0 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ "ผีแดง" ต้องเจอกับความพ่ายแพ้ในเกมลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามากุมบังเหียน

ชัยชนะของ "ไอ้ปืนใหญ่" นอกจากจะเป็นการเปิดซิง โซลชา ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีแล้ว ยังทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 อีกต่างหาก แถมยังตามหลัง "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมอริร่วมเมือง ซึ่งอยู่ในอันดับ 3 เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น

สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด กับความปราชัยในเกมนี้มีประเด็นให้ต้องพูดถึงโดยเฉพาะการทำหน้าที่ของ ดาบิด เด เคอา นายด่านเลือดสแปนิช ที่วันนี้เล่นหลุดฟอร์มหน้าตาเฉย สวนทางกับ แบร์นด์ เลโน่ ที่โชว์เหนียวหนึบให้เจ้าบ้าน ขณะที่ โรเมลู ลูกากู ที่ฟอร์มฮอตเหลือเกินช่วง 2-3 เกมที่ผ่านมา แต่แมตช์นี้กลับมาสวมวิญญาณ "ตู้เย็น" อีกครั้ง 

1. แมนฯ ยูไนเต็ด โชคไม่ดีกับจังหวะเสียประตู

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนนำตั้งแต่ 12 นาทีแรกจากการยิงไกลของ กรานิต ชาก้า บริเวณกรอบเขตโทษ โดย ดาวเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ แสดงให้เห็นถึงพลังเท้าที่มีมากมายมหาศาล และส่งบอลพุ่งแหวกอากาศชนิดที่ ดาบิด เด เคอา ยังต้องงงกับจังหวะบอลที่หมุนเบี่ยงเหลือความคาดหมาย

    อย่างไรก็ตามบางคนก็ออกโรงตำหนิ เด เคอา ที่อ่านทิศทางบอลผิด และเมื่อขยับจังหวะผิดเท้าก็ดันตายสนิททำให้ไม่สามารถพลิกตัวกลับมาป้องกันประตูได้ และส่งผลให้ "ปีศาจแดง" ตกเป็นรองอย่ารวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าการเสียประตูตั้งแต่ต้นเกมทำให้ทีมเจอสถานการณ์กดดันอย่างหนักทันที

ส่วนในครึ่งหลัง เจ้าบ้านเน้นตั้งรับแน่นและรอสวนกลับ ขณะที่ผู้มาเยือนก็มีจังหวะหลายครั้งในการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล มาได้ประตูอีกลูกจากการเล่นตามเกมที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ แน่นอนว่าเรื่องนี้คงโทษใครไม่ได้

    สำหรับจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เฟร็ด ปะทะกับ อเลซ็องด์ ลากาแซตต์ ในเขตโทษ และแข้งเลือเฟร้นช์ก็ลงไปนอนเล่นทันที นั่นทำให้ท่านเปาต้องเป่าจุดโทษในนาทีที่ 69 และเมื่อมีการดูจากภาพรีเพลย์เห็นได้ชัดว่าจังหวะเข้าปะทะเบามากๆ แต่เมื่อได้โอกาสทอง อาร์เซน่อล ไม่ปล่อยทิ้ง และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง จัดการกดตอกฝาโลงฝัง "ผีแดง" คาสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 

2. ตัวสำรองไม่เวิร์กสำหรับ โซลชา

กุนซือชาวนอร์เวย์ ส่ง อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล ลงเล่นเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 71 โดยหวังจะใช้ความเร็วของนักเตะสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับอาร์เซน่อล อย่างไรก็ตาม มาร์กซิยาล ไม่ได้ช่วยให้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูดีขึ้นเลย แถมยังออกแนวเป็นภาระอีกต่างหาก    

    หลัง มาร์กซิยาล ลงสนาม มาร์คัส แรชฟอร์ด ถูกโยกไปยืนทางฝั่งขวา และการทำแบบนั้นส่งผลต่อฟอร์มของ ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ไปโดยปริยาย เมื่อเกมเริ่มตัน โซลชา เสี่ยงส่งดาวรุ่งอย่าง เมสัน กรีนวู้ด ลงเล่นในช่วง 10 นาทีสุดท้าย โดยการแก้เกมครั้งนี้ อดีตดาวเตะซูเปอร์ซับ หวังจะได้แต้มกลับบ้าน

อย่างไรก็ตามการส่ง กรีนวู้ด ลงสนามเพื่อเล่นตำแหน่งปีกไม่ได้ส่งผลดีต่อเกมของ แมนฯ ยูฯ แม้แต่นิดเดียว สุดท้ายนักเตะก็ไม่ได้มีส่วนกับเกมมากนัก แถมยังไม่สามารถสร้างจังหวะทำประตูอีกต่างหาก ฉะนั้นต้องยอมรับว่ายางอะไหล่ที่ โซลชา มีอยู่ในมือเวลานี้ยังไม่สามารถแก้สถานการณ์ของทีมในยามคับขันจริงๆ 

    สำหรับข้อดีเพียงข้อเดียวที่ โซลชา ให้โอกาสดาวรุ่งลงสนามก็คือการให้นักเตะเหล่านี้ได้สั่งสมประสบการณ์เพื่อที่จะเติบโตเป็นนักเตะชั้นยอดในอนาคต

3. ความแตกต่างระหว่างนายทวาร

ดาบิด เด เคอา ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโกล์ที่เก่งที่สุดในโลก แต่เกมนี้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวลืมฟอร์มหนึบ หรือดีใจไม่เลิกที่เข้ารอบ 8 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะจังหวะที่ทีมเสียประตูแรก ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเดาทิศทางที่ผิดพลาดของ นายด่านชาวสแปนิช 

    ขณะที่  แบร์นด์ เลโน่ โกล์เจ้าบ้านโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นเป็นสง่า และไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้รับโอกาสเป็นมือ 1 ของทีม แทนที่ ปีเตอร์ เช็ก ที่โรยราเต็มที โดยมีหลายจังหวะที่เขาสามารถป้องกันประตูให้กับทีม อย่างจังหวะที่โชว์ซูเปอร์เซฟตอนที่ โรเมลู ลูกากู หลุดเข้ามายิงประตู เป็นต้น

ไม่ใช่แค่จังหวะการเซฟประตูเท่านั้น เลโน่ ยังมีชอตที่วิ่งออกมาตัดบอลได้เร็วราวกับเป็นสวีปเปอร์ให้ทีมอีกต่างหาก แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจมากยิ่งขึ้้น และหากยังคงรักษาผลงานแบบนี้ต่อไป โกล์เลือดด๊อยท์ช คงเป็นมือ 1 ของทีมไปอีกนาน

4. พลาดโอกาสทองทำ  แมนฯ ยูฯ พัง

หลังจากสะกดคำว่า "แพ้" ไม่เป็นในเกมพรีเมียร์ลีกมานาน 3 เดือน ตอนนี้ โซลชา แอนด์โค. เข้าใจสัจธรรมแล้วว่าไม่มีอะไรยั่งยืน และ อาร์เซน่อล ได้ยัดเยียดคำว่า "พ่าย" ให้กับพวกเขาเป็นเกมแรกในลีกนับตั้งแต่ที่ "น้าลูกอม" เข้ามากุมบังเหียนแทนโชเซ่ มูรินโญ่

    จะว่าไปแล้วแมตช์นี้ไม่ใช่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นไม่ดี พวกเขาทำผลงานได้น่าชื่นชมกว่าหลายๆ เกมที่ชนะมาด้วยซ้ำ เพราะสร้างโอกาสได้เยอะ และทำเกมต่อกรกับเจ้าบ้านได้สนุกเร้าใจเลยทีเดียว โดยเฉพาะจังหวะที่น่าจะได้ประตูถึง 2 ครั้งจาก ลูกากู และ เฟร็ด ในช่วงครึ่งแรก

โดยเฉพาะในรายของ หัวหอกชาวเบลเยียม ที่พลาดโอกาสทองทำหมูหกหลายครั้ง รวมทั้งการยิงชนคาน และ โดน เลโน่ โชว์หนึบป้องกันในระยะปะชิดตัวได้อีกต่างหาก ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะในครึ่งหลัง "อากู๋" ยังได้โอกาสทองฝังเพชรีอกครั้งแต่ก็เป็น เลโน่ คนดีคนเดิมที่ป้องกันเอาไว้ได้ 

    ฉะนั้นการที่เกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้จากโอกาสที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ย่อมต้องชดใช้ด้วยความพ่ายแพ้ แต่จะโทษ ลูกากู คนเดียวก็ไม่ได้ เนื่องจากเกมนี้แม้เขาจะยิงประตูไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่พลิ้ว และคล่องตัว ไม่เหมือน "ตู้เย็น" แข็งทื่อสมัยที่อยู่กับ "เฮียมู"

 5. อาร์เซน่อล ฉกฉวยโอกาสได้หมด

สำหรับแมตช์นี้ช่วงต้นเกม อาร์เซน่อล ทำผลงานได้เหนือกว่า พวกเขาไล่กดดันแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตลาด โดยสามารถควบคุมเกมแดนกลางได้อยู่หมัด ขณะที่ "ผีแดง" ดูเหมือนจะเสียขวัญด้วยซ้ำ และจากนั้นไม่ได้เจ้าบ้านก็ได้โอกาสทองจาก ชาก้า ที่ตะบันบอลเข้าประตูไปอย่างงดงาม 

    อย่างไรก็ตามเมื่อ อาร์เซน่อล ขึ้นนำ แต่พวกเขากลับเสียการควบคุมเกม และเกือบจะโดนตีเสมอในช่วงท้ายครึ่งแรกด้วย ขณะที่ครึ่งหลังเกมตกเป็นของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่นั่นเป็นไปตามแท็คติกที่ อูไน เอเมรี่ วางเอาไว้ เพราะต้องการให้ทีมเยือนเกมบุกขึ้นมา และทำให้มีพื้นที่ว่างในการโจมตี

หลายจังหวะที่ อาร์เซน่อล สวนกลับและมาป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณเขตโทษของ "ปีศาจแดง" และในที่สุดก็ได้จุดโทษ ก่อนที่  โอบาเมยอง  จะขัดอาสาตอกฝาโลงฝังผีเรียบร้อย สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า "เดอะ กันเนอร์" สามารถฉกฉวยโอกาสที่มีอยู่เพียงไม่กี่ครั้งในครึ่งหลังผันแปรเป็นประตูได้อย่างที่ตั้งใจ 

    สุดท้ายแล้ว อาร์เซน่อล สามารถใช้โอกาสที่มีอยู่เพียงไม่มากเปลี่ยนเป็นประตูได้สำเร็จ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาคว้า 3 แต้มสำคัญ และขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 แทนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องหล่นไปอยู่อันดับ 5 อย่างน่าเสียดาย

SHARE ON