ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

ยูเวนตุส ทำให้บรรดาเกจิอาจารย์หลายสำนักต้องผิดหวัง เมื่อทำได้เพียงแค่บุกเสมอ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-1 ที่สนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยๆ การได้อเวย์โกลก็ถือว่า "ม้าลาย" ได้เปรียบในระดับหนึ่ง

โรนัลโด้ขี่ม้าขาว ! ผ่า 5 ประเด็น ยูเวนตุส บุกเสมอ อาแจ็กซ์
arrow_drop_down

โรนัลโด้ขี่ม้าขาว ! ผ่า 5 ประเด็น ยูเวนตุส บุกเสมอ อาแจ็กซ์

ยูเวนตุส ทำให้บรรดาเกจิอาจารย์หลายสำนักต้องผิดหวัง เมื่อทำได้เพียงแค่บุกเสมอ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-1 ที่สนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยๆ การได้อเวย์โกลก็ถือว่า "ม้าลาย" ได้เปรียบในระดับหนึ่ง

    เจ้าบ้านผ่านเข้ามารอบดังกล่าวด้วยการพลิกนรกคว่ำ เรอัล มาดริด มาได้ เช่นเดียวกับ ยูเว่ ที่โชว์ฟอร์มสุดยอดในการพลิกสถานการณ์ที่ตกเป็นรองผ่าน แอตเลติโก มาดริด มาได้แบบเฉียดฉิว โดยแมตช์นี้ อาแจ็กซ์ เล่นได้ดีเยี่ยมแต่ขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์

    ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีความสำคัญกับทีมมากแค่ไหน เพราะจังหวะการพุ่งตอร์ปิโดบกโหม่งประตูให้ทีมขึ้นนำในช่วงท้ายของครึ่งแรก ทำให้ทีมถือความได้เปรียบจากการได้ประตูทีมยืนทันที แถมเจ้าตัวยังสร้างสถิติเป็นว่าเล่นในถ้วยใบโตยุโรปด้วย 

อย่างไรก็ตามการเล่นที่ผิดพลาดของแนวรับทำให้ ดาวิด เนเรส ได้โอกาสทองลากบอลเข้าไปซัดตีเสมอในช่วงเพียงไม่กี่วินาทีของครึ่งหลัง นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าแข้งคนหนุ่มอาแจ็กซ์ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆ สร้างโอกาสทำประตูทีมเยือนหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จส่งผลให้เสมอกันไป 1-1 และทั้งสองสโมสรยังมีงานหนักในแมตช์ที่ตูริน 
 
1. สองดัตช์ของจริง

ช่วงที่ผ่านมามีข่าวลือยกยอปอปั้น แฟร้งกี้ เดอ ยอง ว่าเป็นนักเตะชั้นยอด แต่ในเกมนี้น่าจะเป็นการยืนยันว่าแล้วเขาเก่งจริงๆ โดยนักเตะแสดงให้เห็นถึงการเล่นที่นิ่งเกินวัย และยังสามารถปั่นป่วนเกมรับของ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ได้บ่อยๆ 

    ผลงานของ เดอ ยอง บอกเลยว่ายอดเยี่ยมมากๆ เพราะสามารถดวลกับแดนกลางของ ยูเว่ ได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีหลายจังหวะที่สามารถตัดเกมในแผงมิดฟิลด์ทีมเยือน ทำให้พวกเขาสามารถเติมเกมบุก หรือส่งบอลให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สร้างจังหวะอันตรายได้มากนัก

ไม่ใช่แค่ เดอ ยอง เท่านั้นที่โดดเด่น มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ก็ทำคอยคุมแนวรับได้อย่างเหนียวแน่นเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ ดาวเตะชาวดัตช์ ดันเสียสมาธิไปแค่จังหวะเดียวในช่วงท้ายครึ่งแรก โดยปล่อยให้ โรนัลโด้ ได้หลุดเข้าไปโหม่งเป็นประตูขึ้นนำของ "ม้าลาย" หลังจากการเสียสมาธิแค่จังหวะนั้น ดาวเตะวัย 19 ปีไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกเลยจนกระทั่งได้ยินเสียงเป่านกหวีดยาวจากท่านเปา 

    สำหรับแฟนคลับของ เดอ ยอง กับ เดอ ลิกต์ คงลุ้นกันอย่างใจจดจ่อใจที่จะได้เห็นทั้งสองคนเล่นร่วมกันอีกครั้งที่ บาร์เซโลน่า เพราะรายแรกเซ็นสัญญากับ "เจ้าบุญท่ม" ไปแล้ว แต่รายหลังมีข่าวลือมาตลอดว่าอยากย้ายไปสวมชุด "เลือดหมูน้ำเงิน" ช่วงซัมเมอร์นี้ 

2. ดาวิด เนเรส  ฟอร์มฮอต

      อาแจ็กซ์ โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในครึ่งแรก แต่สิ่งที่เขาขาดหายไปก็คือการจบสกอร์ที่เฉียบคม โดย ฮาคิม ซิเยช มีโอกาสยิงประตูถึง 4 ครั้งแต่เอาเข้าจริงๆ มีเพียงครั้งเดียวที่ได้ทดสอบความเหนียวของ วอยเชียค เชสนี่ และสุดท้ายเจ้าบ้านก็ต้องโดนลงโทษจากจังหวะการพุ่งตอร์ปิโดบกทำประตูของ โรนัลโด้ ช่วงนาทีที่ 45 ของเกม

      หลังเสร็จเสร็จสิ้นการพักครึ่ง สถานการณ์ของเกมเปลี่ยนไปเมื่อ ดาวิด เนเรส โชว์ให้เห็นถึงความเฉียบคมไม่ปล่อยโอกาสทองให้สูญเปล่า เพราะแค่เพียง 25 วินาทีของครึ่งหลัง เนเรส ฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของ ชูเอา กานเซโล่ ลากบอลเข้าพื้นที่อันตรายก่อนตัดเข้ากลาง และปั่นด้วยขวาเสียบก้นตาข่าย

สำหรับประตูดังกล่าวทำให้ เนเรส ทำไปแล้ว 12 ประตูจากการเล่นทุกรายการในฤดูกาลนี้ให้กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แถมยังเป็นประตูที่ 7 ในการลงสนามจาก 8 เกมล่าสุดของเขาซะด้วย ฉะนั้นในแมตช์เยือนเมืองตูริน บรรดาแนวรับของ "ม้าลาย" จงระวังเอาไว้ให้ดี 

3. โรนัลโด้ คนเดียวก็เพียงพอ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ได้ลงเล่นให้ ยูเวนตุส นับตั้งแต่ที่เขาตะบันแฮตทริกช่วย "ม้าลาย" ดับซ่า แอตเลติโก มาดริด ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยในเกมนี้ "ซีอาร์ 7" เรียกความฟิตได้ทันท่วงที และแน่นอนว่าการมีเขาอยู่นั่นหมายถึงโอกาสที่จะได้ประตูก็มีสูง

    แน่นอนว่าเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้จากจังหวะที่ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส โชว์ลีลาตอร์ปิโดบก ทำประตูให้ทีมขึ้นนำในนาทีที่ 45 อย่างไรก็ตามความผิดพลาดอขง กานเซโล่ ในช่วงไม่กี่วินาทีของครึ่งหลัง ทำให้ "ม้าลาย" ต้องเสียประตูไปแบบไม่น่าจะเสีย

อย่างไรก็ตามในเกมนี้ "เฮียโด้" ทำสถิติเพียบทั้งทำประตูจากลูกโหม่งในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปแล้ว 23 ลูก ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกๆ คน ตามด้วยยิงไป 8 ประตูในการเจอกับ อาแจ็กซ์ และถือเป็นการยิง อาแจ็กซ์ ได้ 5 เกมติดในถ้วยใบโตยุโรป  ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะเขาซัดไป 125 ประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก 

    นอกจากนี้ อดีตสตาร์ เรอัล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กดไปแล้ว 64 ประตู ในรอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกคน พร้อมตบท้ายด้วยสถิติทีเด็ดเมื่อ โรนัลโด้ ยิงประตูแรกในถ้วย "บิ๊กเอียร์" เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2007 และวัน-เดือนเดียวกัน แต่เกิดขึ้นในปี 2019 เจ้าตัวทำประตูที่ 125 ในรายการนี้

4. อัลเลกรี จะยังอยู่กับทีมอีกไหม  ?

    เมื่อจบฤดูกาลนี้ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เทรนเนอร์สมองเพชร จะได้ฉลองการอยู่ครบ 5 ปีในฐานะนายใหญ่ ยูเวนตุส และนำต้นสังกัดผงาดคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 5 สมัย ด้วย แน่นอนว่าผลงานสุดยอดแบบนี้ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่าเขาจะอยู่กับทีมต่อไปหรือไม่ 

    ก่อนหน้านี้ อัลเลกรี มีข่าวกับ อาร์เซน่อล และ เชลซี เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา  แต่สุดท้ายเจ้าตัวเลือกที่จะอยู่ทำงานในเมืองตูรินต่อไป และตอนนี้ก็นำทีมทำผลงานสุดยอดมีลุ้นความสำเร็จทั้งในลีกสูงสุดเมืองมะกะโรนี และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แน่นอนว่าเป้าหมายของ อัลเลกรี ในเวลานี้ก็คือการนำถ้วยหูกาง กลับมาประดับในถิ่นอัลลิอันซ์ สเตเดี้ยม แต่ในช่วงรอบแบ่งกลุ่ม "ม้าลาย" ต้องกระเสือกกระสนกว่าจะผ่านเข้ามาในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แถมยังเกือบตายในการดวลกับ แอต. มาดริด แต่ได้ โรนัลโด้ ที่ระเบิดฟอร์มเทพ ช่วยทีมเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

    สำหรับการพบกับ อาแจ็กซ์ แน่นอนว่าคู่แข่งอาจจะไม่ได้แกร่งมากนัก และหลายคนมองว่าพวกเขาน่าจะเอาชนะได้ แต่การบุกไปเสมอก็ไม่ได้เลวร้าย เพราะอย่างน้อยๆ ก็ได้อะเวย์โกล แต่หากผ่านยอดทีมเมืองดัตช์ พวกเขาก็ยังเจองานหินเนื่องจากคู่แข่งรอบตัดเชือกอาจจะเป็น สเปอร์ส หรือ แมนฯ ซิตี้ ก็ได้

5. ผลงาน มานด์ซูคิช น่าผิดหวัง

ในขณที่ โรนัลโด้ สร้างสถิติเป็นว่าเล่นในเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่คู่หูเกมรุกของเขาอย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยกับทีมในแมตช์นี้ 

    สำหรับในแมตช์นี้ หัวหอกเลือดโครแอต ได้รับการคาดหวังว่าจะใช้ประสบการณ์ที่แสนโชกโชนในการจัดการกับ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ แนวรับวัยละอ่อนของ อาแจ็กซ์ แต่สุดท้ายเขาไม่สามารถทำให้ กองหลังดาวรุ่งชาวดัตช์ รายนี้ ต้องเจอกับปัญหายากเย็นอะไรเลย

มานด์ซูคิช ได้รับโอกาสสร้างผลงานให้กับทีมจนถึงนาทีที่ 60 ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออก โดย อดีตดาวยิง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค มีโอกาสสัมผัสบอลแค่ 21 ครั้ง น้อยที่สุดในบรรดานักเตะที่ลงเล่นในแมตช์นี้ และจากการสถิติแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะไม่มีปัญญายิงประตู หรือสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมเลย

 

 

 

 

SHARE ON