ผลงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ โซลชา เข้ามากุมบังเหียนมีทั้งดีและแย่ ในตอนแรกที่ทำหน้าที่ชั่วคราว "น้าลูกอม" นำทีมเก็บชัยชนะเป็นว่าเล่น แต่เมื่อได้รับสัญญาถาวร กลายเป็นว่าฟอร์มการเล่นของ "ผีแดง" ร่วงกราวรูดจนน่าใจหายถึงขนาดไม่แน่ว่าจะติดโควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือไม่
อย่างไรก็ตาม สาวก "เร้ด อาร์มี่" ยังพร้อมให้โอกาส นายใหญ่ชาวนอร์เวเจี้ยน เพราะเชื่อว่าเขาจะเป็นบุรุษผู้กอบกู้จิตวิญญาณแห่งแมนฯ ยูไนเต็ด กลับคืนมา หลังจากที่สิ่งเหล่านี้หายไปนับตั้งแต่ที่ท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเกษียณตัวเอง และนำทีมประสบความสำเร็จในฤดูกาลหน้า
กระนั้น โซลชา รู้ว่ามีความคาดหวังมหาศาลจากแฟนบอล และเพื่อให้ทีมไม่ต้องพบกับแรงกดดันมากเกินไปทำให้เขาต้องออกมาเบรกเกี่ยวกับเรื่องการลุ้นแชมป์ลีกในฤดูกาลหน้า เพราะมองว่ายังเร็วเกินไปสำหรับการสร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
"ผมไม่คิดว่าเราจะมีความคงเส้นคงวาที่จะทำแบบนั้นได้ ตลอดช่วง 18 เกมที่ผ่านมา เรายังห่างไกลจากพวกเขา (ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้) แต่เราพยายามอย่างเต็มที่ในช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรพูดคำว่าไม่ได้ แต่คุณไม่ต้องไปคาดหวังว่าหลายๆ อย่างจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาข้ามคืน และเรารู้เรื่องนั้นดี"
"มันจะค่อยๆ เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป และเราต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเพราะเราต้องก้าวไปทีละก้าว คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงนักเตะ 10 คนในเวลานี้ และดึงนักเตะใหม่อีก 10 คนเข้ามาร่วมทีม ทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็นๆ ค่อยๆ ไปๆ แต่แน่นอนว่ามันต้องเป็นการดึงนักเตะที่มีคุณภาพ, บุคลิกเฉพาะตัว และมีมาตรฐานที่เหมาะสมที่จะนำเรากลับไปยังจุดที่เราควรจะอยู่"
ตอนที่ "เซอร์เฟอร์กี้" ก้าวเข้ามากุมบังเหียนในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 1986 เขาประกาศก้องให้โลกต้องตะลึงว่าจะโค่นความยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล เนื่องจาก "หงส์แดง" ในเวลานั้นครองอำนาจเกมลีกเมืองผู้ดีแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พร้อมกับนำ "ผีแดง" ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แทน
ขณะที่ โซลชา ต้องเจองานสุดหินหากจะทำแบบเจ้านายเก่าเพราะในเวลานี้ไม่ได้มีแค่ ลิเวอร์พูล ที่กำลังทำผลงานสุดยอด แต่ยังมี แมนฯ ซิตี้ ที่แข็งแกร่งจนยากจะล้มได้ ที่สำคัญนับตั้งแต่ที่ "ป๋า" วางมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยได้สัมผัสโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกเลยเป็นเวลา 6 ปีที่ผ่านมา
อดีตกองหน้าซูเปอร์ซับ ยอมรับว่า "หงส์แดง" และ "เรือใบสีฟ้า" แข็งแกร่งมากๆ ในช่วงเวลานี้ "เราอยากไล่ตามพวกเขาให้ทัน ไม่ใช่เพราะเป็น แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล แต่แน่นอนว่าเพราะความที่เป็น แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล สำหรับแฟนบอลที่เหมือนกับผม และในฐานะผู้จัดการทีมด้วย พวกเขาสูสีกันมากๆ เราอยากที่จะทำผลงานให้ดีที่สุด เราต้องทำให้เต็มที่ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่เห็นทั้งสองทีมทำผลงานได้สุดยอดแบบนี้"
"ปีศาจแดง" ต้องแย่งอันดับ 3 และ 4 กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เชลซี และ อาร์เซน่อล โดยพวกเขาต้องพยายามเก็บชัยชนะในแมตช์ที่เหลืออยู่ให้ได้หมด (พบ แมนฯ ซิตี้ วันพุธนี้) ได้แก่เกมพบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี, ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ และคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
กระนั้น โซลชา ยอมรับว่าหากทีมทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จก็ไม่มีเวลามานั่งเสียใจ แต่ต้องเดินหน้าต่อไปในฤดูกาลหน้า "มันเป็นไปได้ที่จะชนะเกมที่เหลือยู่ทั้งหมด แต่เราต้องปรับเปลี่ยนกระบวนความคิด เราต้องพร้อมสำหรับทุกเกม เราไม่ควรไปโกรธ ไม่ควรสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา"
"เราต้องพร้อม และเรารู้ว่าฟุตบอลสามารถเปลี่ยนแปลงได้แบบนี้ (ดีดนิ้ว) ในระยะยาวต้องมีมาตรฐาน คุณต้องมีความเป็นมืออาชีพ และมีคุณค่าในฐานะนักฟุตบอล คุณต้องประสบความสำเร็จให้ได้ ส่วนในระยะสั้นแน่นอนว่าเราสามารถเอาชนะทั้ง 4 เกมที่เหลืออยู่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเปลี่ยนแปลงแบบยกเครื่อง แต่แน่นอนว่าเราการวางแผนล่วงหน้า เรารู้ว่านักเตะคนไหนที่เราต้องการดึงมาร่วมทีม"