ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

แมนยูอาการหนัก..! ล่าสุดออกไปแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1

แมนยูอาการหนัก..! ล่าสุดออกไปแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1
arrow_drop_down

สถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ต้องบอกว่าย่ำแย่สุดๆ โดยล่าสุดออกไปแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1 ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้พวกเขาร่วงไปอยู่ในอันดับ 12 ของตารางลีก และมีแต้มห่างโซนตกชั้นแค่ 2 คะแนนเท่านั้น

   ฟอร์มของ "ปีศาจแดง" ยังคงเหมือนเดิม นั่นก็คือการครองเกมเหนือกว่า แต่ไม่เกิดประโยชน์ ราวกับหนุ่มหล่อที่ดีแต่ป้อสาว และสุดท้ายก็โดนเด็กแว้นคาบไปรับประทาน เพราะพวกเขาต่อบอลไปต่อบอลมาและตบท้ายด้วยการส่งบอลพลาด หรือยิงทิ้งยิงขว้าง

    ต่างจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ครองบอลน้อยกว่า แต่มีลูกทีเด็ดทีขาดมากกว่า เพราะเวลาทีจังหวะสวนกลับ "สาลิกาดง" ทำเอาสาวก "เร้ด อาร์มี่" ต้องขนลุกซู่ทุกครั้ง จนสุดท้ายก็ขนร่วงเมื่อโดนทีเด็ด แม็ตธิว ลองสตาฟฟ์ ซัดไกลเข้าไปตุงตาข่าย แต่หากมองจากจังหวะนี้ เกิดจากความผิดพลาดในการเช็คไลน์ของ อันเดรส เปเรยร่า ทำให้แนวรุกเจ้าบ้านไม่ล้ำหน้า จนนำมาสู่ประตูชัย

 

1. ดีแต่ป้อจนน่าเบื่อ  
    บอกจากใจไม่มีกั๊กว่า ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยจากฟอร์มการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าพวกเขาจะสามารถครองบอลได้ตลอด แต่ก็ทำได้เพียงแค่ดีแต่ป้อ(ล่อ)เป้าไม่เป็น สุดท้ายก็เหมือนเดิมคือไม่แพ้ก็แค่เสมอตัวอย่างที่เห็นในหลายๆ เกม



    "ปีศาจแดง" เป็นทีมที่มีขุมกำลังชั้นดี แต่อาจจะไม่ถึงกับระดับโลก อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีคุณภาพชั้นยอดที่จะนำทีมก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับท็อปโฟร์ หากจะพูดให้แย่กกว่านั้นก็คือคุณภาพของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ยังเหนื่อยจนรากเลือดในการเบียดขึ้นไปติดท็อปซิกซ์ด้วยซ้ำ
    ในแมตช์นี้ แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามครองเกมแต่พวกเขาขาดการสร้างสรรค์เกม จะเห็นได้ว่ามีโอกาสน้อยมากที่ "เร้ด เดวิลส์" จะเข้าไปสร้างความหวาดเสียวในกรอบเขตโทษ แถมในบางครั้งเวลาที่เติมเกมบุกทีมมักจะเปิดบอลแบบไร้สาระจากที่ทีมจะได้เปรียบกลายเป็นไร้ประโยชน์

    สำหรับตอนนี้ทีมสามารถพึ่งพานักเตะคนไหนได้บ้างในเกมนี้ ? แดเนี่ยล เจมส์ มีดีที่เร็วแต่ทำอะไรไม่ได้เลย, สกอตต์ แม็คโทมิเน่ย์ แข็งแกร่งแต่พร้อมจะเป็นที่พึ่งของทีมได้ไหม ? ฆวน มาต้า ต้องบอกว่าเขาเลยสุดพีคมาแล้วนับตั้งแต่ที่ย้ายออกจาก เชลซี ส่วน อันเดรียส เปเรยร่า กับ เฟร็ด คงไม่ต้องบอกนะว่าทีมจะฝากอนาคตได้ไหม.....

 

2. สองพี่น้องตระกูลลองสตาฟฟ์
    เกมนี้ถือเป็นหนึ่งในแมตช์ที่น่าสนใจมากๆ ในวงการฟุตบอล เพราะมีสองพี่น้องได้ลงเล่นร่วมกัน โดย ฌอน ลองสตาฟฟ์ ซึ่งเคยมีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ ทำงานร่วมกับ แม็ตธิว น้องชายในแผงกองกลางได้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติ



    ทั้งสองคนคอยช่วยคุมเกมแดนกลางให้กับ "สาลิกาดง" และจัดการแผงมิดฟิลด์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะทุกครั้งที่ นิวคาสเซิ่ล ได้เล่นสวนกลับสองศรีพี่น้องสายเลือดผู้ดี สร้างปั่นป่วน และขู่ เฟร็ด กับ ฆวน มาต้า ได้ตลอดเวลา
    ส่วนคนที่โดดเด่นในเกมนี้ต้องยกให้ แม็ตธิว ซึ่งถือว่าเซอร์ไพรส์มากๆ ที่ได้ลงเล่นตัวจริง แถมยังไม่ทำให้แฟนบอล "ทูน อาร์มี่" ต้องผิดหวังเมื่อสร้างผลงานดีมีคุณภาพในแมตช์นี้ โดยเจ้าตัวที่อายุน้อยกว่า ฌอน พี่ชาย 2 ปี คอยคุมเกมได้ดีมากๆ พร้อมทั้งมีสายตาเฉียบคมในการผ่านบอลให้กองหน้า ที่สำคัญยังมีทีเด็ดในการยิงไกลซึ่งทุกคนคงได้เห็นกันแล้วจากประตูชัยในแมตช์นี้

     หากมองภาพรวมสองพี่น้องตระกูลลองสตาฟฟ์เล่นร่วมกันได้อย่างลงตัว และน่าจะพัฒนาจนก้าวขึ้นมาเป็นคู่หูแผงมิดฟิลด์ให้กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในช่วงหลายๆ ปีที่จะมาถึงนี้ (หากไม่โดนกระชากตัวไปก่อนนะ)

 

3.  เกิดอะไรขึ้นกับ แรชฟอร์ด ?
    หลายคนมองว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด แจ้งเกิดเร็วเกินไปจนดูเหมือนความสำเร็จเหล่านี้กำลังจะย้อนกลับมาฆ่าเขา โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้เห็นได้ชัดว่าฟอร์มของ "เจ้าหนูแรช" น่าผิดหวัง จนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือดาวรุ่งแห่งอนาคต "ผีแดง" เมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา



     ย้อนไปต้นซีซั่นนี้ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ดูเหมือนจะเริ่มต้นได้สวยเมื่อซัด 2 ประตูในเกมถล่ม เชลซี แต่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฟอร์มชั้นยอดของเขาไม่เกิดขึ้นอีกเลย โดยแฟนบอล "ผีแดง" ต่างคาดหวังว่าเขาจะเป็นตัวความหวังเมื่อ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล มีปัญหาบาดเจ็บ แต่คิดผิดถนัด
    แรชฟอร์ด มักจะพลาดโอกาสงามๆ หลายต่อหลายครั้งเมื่อถูกจับมาเล่นในตำแหน่งเบอร์ 9 หรือ "หน้าเป้า" สำหรับตอนนี้เจ้าตัวขาดทั้งความแม่นยำ และความมั่นใจในพื้นที่สุดท้ายซึ่งสิ่งนี้เห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้งในเกมแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

    หัวหอกเลือดผู้ดี เป็นหนึ่งในแข้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มสุดย่ำแย่ในสนาม โดยการเคลื่อนที่หาตำแหน่งก็น่าผิดหวัง ที่สำคัญมีอยู่หนึ่งจังหวะที่เจ้าตัวได้ลากเข้าไปลุ้นทำประตู แต่การที่เขาขาดความมั่นใจในพื้นที่สุดท้ายทำให้ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับเกมรับเจ้าบ้านได้เลย

    ฉะนั้นต้องยอมรับว่า แมนฯ ยูฯ ล้มเหลวจากการใช้ แรชฟอร์ด เป็นหน้าเป้าแทน โรเมลู ลูกากู เพราะถึงแม้เจ้าตัวอาจจะระเบิดฟอร์มเก่งออกมาได้ในบางเกม แต่เกมไหนที่ฟอร์มฝืด "ปีศาจแดง" จำเป็นต้องหาคนมาทำหน้าที่แทนเขาให้ได้ และตอนนี้ยังไม่มีเลย ด้วยเหตุนี้ทีมจำเป็นต้องทุ่มเงินเพื่อหากองหน้าชั้นยอดเป็นการด่วน ไม่งั้นจะเกิดปัญหากระสุนด้านแบบนี้อีก

 

4. สามกองกลางพึ่งไม่ได้
    ดาวเตะชาวบราซิเลียน เป็นหนึ่งใน 3 แนวรุกของทีมที่ได้รับโอกาสอย่างมากจาก โซลชา ในช่วงที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถสร้างความประทับใจได้เลย  ในแมตช์นี้ก็เช่นกันเพราะ อันเดรส เปเรยร่า เล่นไม่ออกเมื่อโดนจับไปยืนทางกราบ จนแทบจะหายไปจากเกม


     เช่นเดียวกับ สกอตต์ แม็คโทมิเน่ย์ ที่ลงเล่นตัวจริงร่วมกับเฟร็ด แต่ไม่สามารถคุมเกมแดนกลางได้เลย โดย ดาวเตะชาวสกอตแลนด์ ต้องเจอกับงานยากลำบากในการป้องกันเกมบุกของ นิวคาสเซิ่ล แถมบ่อยครั้งมักจะหลุดตำแหน่งเมื่อโดนเจ้าบ้านเล่นสวนกลับ ที่สำคัญยังผ่านบอลได้แย่มากๆ
    อีกรายที่ต้องบอกว่าเล่นแย่สุดๆ ก็คือ เฟร็ด ที่อุตสาห์ได้รับโอกาสจาก โซลชา ให้ลงเล่นตัวจริงในเกมนี้ หลังจากที่ ปอล ป็อกบา ไม่ฟิต แต่กลับการเป็นว่าเจ้าตัวไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้เลย แถมบางครั้งยังยิงทิ้งยิงขว้างจากโอกาสที่น่าจะทำประโยชน์ได้มากกว่านั้น ในส่วนการเล่นเกมรุกก็ไม่ได้ช่วยอะไรทีมเลย ขณะที่เกมรับยิ่งอาการหนัก ฉะนั้นในเกม "แดงเดือด" แฟนบอล "เร้ด อาร์มี่" คงต้องภาวนาอย่างเห็นเจ้าตัวลงสนามเลย ไม่งั้นโดน ลิเวอร์พูล ป่วนแหงๆ

 

5. "แดงเดือด"เหงื่อแตกแน่
    จะว่าโชคดีก็ได้ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้พักตั้งสติเนื่องจากมีเกมทีมชาติเข้ามาขั้นกลางหลัง "ผีแดง" โชว์ห่วยเกินห้ามใจในช่วงที่ผ่านมา โดยพวกเขาชนะใครไม่ได้เลยในเวลา 90 นาที 5 แมตช์ติดต่อกัน (ชนะ รอชเดล จุดโทษ หลังเสมอในเวลา 1-1 ในศึกคาราบาว คัพ)

    เมื่อเช็คตารางคะแนนลีกในตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บได้ 9 คะแนนจาก 8 เกมพรีเมียร์ลีก ร่วงไปอยู่อันดับ 12 แถมที่น่าเจ็บปวดรวดร้าวฤดีก็คือทีมมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นเพียง 2 คะแนนเท่านั้น นี่เป็นสถานการณ์ที่พวกเขาไม่เคยพบเคยเจอมาเกือบ 30 ปีตั้งแต่ซีซัน 1989/90



    ที่สำคัญแมตช์ต่อไปซึ่งอาจจะชี้ชะตา โซลชา (หากยังไม่โดนปลดซะก่อน) เพราะพวกเขามีคิวเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในศึก "แดงเดือด" วันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นเกมแรกหลังจากเสร็จสิ้นช่วงพักเบรกทีมชาติพอดิบพอดี
    แน่นอนว่านี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ แมนฯ ยูฯ ได้ตั้งสติและประเมินรวมทั้งวิเคราะห์ฟอร์มที่ย่ำแย่ เพื่อโอกาสในการพลิกสถานการณ์กลับมาสู่ฟอร์มคุณภาพอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การหยุด "หงส์แดง" ในเวลานี้ค่อนข้างจะยากลำบากเมื่อมองจากฟอร์มของ "ผีแดง" ในเวลานี้

    กระนั้นอย่าลืมว่า โซลชา ก็เคยเป็นนักเตะ "เร้ด เดวิลส์" ที่ลุยเกม "แดงเดือด" มาแล้ว ดังนั้นเรื่องการพูดปลุกเร้านักเตะอาจจะมีผลในแมตช์นี้ แต่ก็อย่างลืมอีกเหมือนกันว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ก็เคยโดนปลดหลังจากแพ้ ลิเวอร์พูล ในการพบกันเกมแรกของซีซั่นที่แล้ว

    ไม่แน่ว่าโชคชะตาอาจจะมาบรรจบพบกันอีกครั้ง แต่หากดราม่าเข้าไปอีกก็คือบอร์ดบริหารดึง "เฮียมู" กลับมากู้สถานการณ์.....ก็แหมกำลังว่างๆ อยู่ ของอย่างนี้ไม่แน่นะ

SHARE ON