ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงแค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0

แซงไม่สำเร็จ! ผ่า 5 ประเด็นเดือด ลิเวอร์พูล เจ๊า เอฟเวอร์ตัน
arrow_drop_down

แซงไม่สำเร็จ! ผ่า 5 ประเด็นเดือด ลิเวอร์พูล เจ๊า เอฟเวอร์ตัน

ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงแค่เสมอ เอฟเวอร์ตัน 0-0 ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ "หงส์แดง" ต้องกลายเป็นทีมอันดับ 2 อย่างเป็นทางการ และตามหลัง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 คะแนน โดยเหลือเกมลีกเพียงแค่ 9 แมตช์เท่านั้น

สำหรับเกมนี้ "หงส์แดง" ยังคงต้องพบกับความยากลำบากในการเจาะตาข่ายคู่แข่งที่เน้นเกมรับ ทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ สองสตาร์ประจำทีมไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ ขณะที่ จอร์แดน พิกฟอร์ด นายด่านเจ้าบ้าน ทำผลงานเหนียวหนึบในแมตช์นี้

    ขณะที่ ดิว็อค โอริกี้ ฮีโร่ในเกมดาร์บี้แมตช์ลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์เกมแรก ฟอร์มไม่ได้เรื่อง เล่นไม่เป็นชิ้นเป็นอันช่วยทีมไม่ได้เลย ส่วนสามตัวสำรองที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนลงสนาม ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้ แถมยังมีหลายคนตั้งข้อสงสัยในการแก้เกมของ คล็อปป์ ที่ไม่ได้ช่วยให้ทีมเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือได้เปรียบเลย

1. พิกฟอร์ด ฟอร์มแจ่ม
    จอร์แดน พิกฟอร์ด โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดเมื่อสามารถรักษาคลีนชีตในการดวลกับคู่อริมร่วมเมืองเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวโชว์ซูเปอร์เซฟหลายครั้ง ทำให้ทีมคว้า 1 คะแนนสำคัญ และโยนความกดดันให้ ลิเวอร์พูล ในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก

โกล์เลือดผู้ดี ต้องพบกับช่วงเวลาที่แสนเลวร้ายในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ที่สนามแอนฟิลด์ ช่วงต้นฤดูกาลนี้ หลังจากตัดสินใจไม่เด็ดขาดในจังหวะที่บอลไม่มีอะไรเลย ก่อนที่จะเสียประตูในช่วงวินาทีสุดท้ายให้กับ ดิว็อค โอริก้า ทำให้ "เดอะ ค็อป" ได้เฮสนั่น

    อย่างไรก็ตาม เกมที่กูดิสัน พาร์ค เจ้าตัวทำผลงานได้เหนียวหนึบ และไม่มีจังหวะผิดพลาดเลย นอกจากนี้ พิกฟอร์ด ยังแสดงให้เห็นถึงความนิ่งในจังหวะที่ โม ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ และใช้มือเดียวปัดบอลได้อย่างเหลือเชื่อ แน่นอนว่าฟอร์มแบบนี้ทำให้ นายด่านทีมชาติอังกฤษ กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
 
2. ซาลาห์ ฟอร์มฝืดต่อเนื่อง
    โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เคยแสดงให้เห็นถึงผลงานดีมีคุณภาพทุกครั้งที่มาเล่นที่กูดิสัน พาร์ค แต่สำหรับแมตช์ล่าสุด "บังโม" ต้องเจอกับความยากลำบากในการเจาะแนวรับเอฟเวอร์ตัน

    สตาร์ลูกหนังทีมชาติอียิปต์ พยายามที่จะเล่นเกมบุกทั้งสองฝั่งสนาม, แสดงให้เห็นถึงความคล่องแคล่วและทักษะในการเอาชนะตัวประกบได้หลายครั้ง แต่ล้มเหลวในจังหวะสังหารประตู ซึ่งฟอร์มแบบนี้ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในฤดูกาลแรกที่เขาย้ายกลับมาเล่นในลีกผู้ดีเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

ซาลาห์ โดน พิกฟอร์ด โชว์หนึบปฏิเสธประตูไป 2 ครั้งในครึ่งแรก แต่หลังจากพักครึ่ง เจ้าตัวก็มีโอกาสงามหยดชดช้อยที่จะทำประตูให้ "หงส์แดง" แต่ในขณะที่กำลังจะง้างเท้ายิงประตูดันโดน ไมเคิ่ล คีน เข้าเสียบสกัดได้ทันเวลาพอดิบพอดี

สำหรับตอนนี้หาก ลิเวอร์พูล อยากจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 29 ปี พวกเขาต้องปลุก ซาลาห์ คนเก่งคนเดิมกลับคืนมาให้ได้ในช่วง 9 แมตช์สุดท้าย หากทำไม่สำเร็จสาวก "เดอะ ค็อป" คงต้องพูดว่า "ซีซั่นหน้าค่อยว่ากันใหม่" แหงๆ


3. ฟูลแบ็กเงียบสนิท  
    แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สองฟูลแบ็กที่ขยับมาเล่นเป็นวิงแบ็กด้วย พวกเขากระหายที่จะเติมเกมบุก และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทั้งสองคนวิ่งแบบไม่มีหมด และแน่นอนว่าคู่แข่งยากจะหยุดพวกเขาได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ "เดอะ ค็อป" เคยเห็นกลับหายต๋อมในเกมปะทะ เอฟเวอร์ตัน

"ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ใช้ระบบที่ให้แบ็กโฟร์ยืนตั้งรับแบบเหนียวแน่น โดย เชมัส โคลแมน กับ  ลูก้าส์ ดีญ พยายามรักษาตำแหน่งของตัวเองตลอดทั้งเกม และไม่ดันขึ้นไปเติมเกมบุกมากนัก นอกจากนี้เจ้าบ้านยังสามาถจัดการฟูลแบ็กของ "หงส์แดง" ได้อยู่หมัด นั่นถือเป็นแท็กติกที่เวิร์กมากๆ ในเกมนี้

    ทุกๆ ครั้งที่ โรเบิร์ตสัน กับ อาร์โนลด์ เติมเกมบุก ปีกสองข้างของเอฟเวอร์ตัน ได้แก่  แบร์นาร์ด กับ  ธีโอ วัลค็อตต์ จะคอยขู่ในจังหวะการเล่นสวนกลับมาทั้งสองคนเสียบอล ซึ่งนั่นทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่กล้าเติมเกมรุกจากฟูลแบ็กมากนัก และด้วยเหตุนี้ทำให้ทั้งสองคนค่อนข้างฟอร์มเงียบในเกมนี้


 4. ลองเสี่ยงกับโอริกี้, การแก้เกมที่ไม่เข้าตา
    เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือก โอริกี้ ฮีโร่ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ครั้งแรกลงสนามเป็นตัวจริง เนื่องจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยังฟิตไม่เต็มร้อย โดยงานนี้ กุนซือชาวเยอรมัน คาดหวังจะได้เห็นปาฏิหาริย์จาก ดาวเตะเลือดเบลเยียม อีกครั้งในแมตช์สำคัญนี้

    อย่างไรก็ตาม โอริกี้ ไม่สามารถทำผลงานเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างที่ คล็อปป์ ปรารถนาสุดท้าย แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามเล่นแล้ว แต่ฟอร์มไม่เข้าตาจริงๆ ก่อนที่กุนซือจะตัดสินใจต้องเปลี่ยนตัวออก และส่ง ฟีร์มีโน่ ลงเล่นแทน ซึ่งก็ทำให้ทีมมีสีสันมากขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ขณะเดียวกัน คล็อปป์ ยังมีปัญหาในเรื่องการแก้เกมโดยเฉพาะการจับ  จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ออก และส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนาม ซึ่งไม่ได้เกิดผลอะไรเลย ขณะที่การ อดัม ลัลลาน่า ลงสนามแทน ซาดิโอ มาเน่ ยิ่งไม่ทำให้ทีมได้เปรียบอะไรเลย โดยกระเด็นนี้ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" สงสัยว่า ทำไมถึงไม่ส่ง "เซอร์ดาน ชากีรี่" ลงสนาม เพราะหากเป็นแข้งสวิส น่าจะช่วยพลิกเกมได้ดีกว่า ลัลลาน่า ที่ดีแต่พลิกตัววนไปมาและเสียบอล !!!


5. แมนฯ ซิตี้ ได้เปรียบเต็มสูบ
    ตอนนี้ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นเท่ากันแล้ว แต่ "เรือใบสีฟ้า" นำเป็นจ่าฝูงด้วยการมีแต้มมากว่า 1 คะแนน และนั่นทำให้พวกเขาถือความได้เปรียบรวมทั้งโอกาสที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะนำทีมป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก เริ่มสว่างสดใสมากยิ่งขึ้น

ลิเวอร์พูล ฟอร์มสะดุดไปดื้อๆ นับตั้งแต่ต้นปี 2019 โดยพวกเขามีโอกาสที่จะทำแต้มทิ้งห่าง แมนฯ ซิตี้ ถึง 9 คะแนนแต่สุดท้ายฟอร์มการเล่นที่ไม่นิ่ง และนักเตะไม่สามารถแบกรับแรงกดดันเอาไว้ได้ ส่งผลให้ตอนนี้สถานการณ์พลิกผันจากผู้กุมชะตาการลุ้นแชมป์ กลายเป็นผู้ที่ต้องไล่ล่าแทน

    ผลเสมอในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ทำให้ "หงส์แดง" พลาดเก็บ 3 คะแนนในเกมนัดเยือนพรีเมียร์ลีก 3 แมตช์ติดต่อกัน และยังไม่สามารถเจาะตาข่าวคู่แข่ง 2 เกมติดต่อกันด้วย สำหรับตอนนี้หาก ลิเวอร์พูบ อยากได้แชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 29 ปี "เดอะ เร้ดส์" ต้องเรียกฟอร์มระเบิดตาข่ายกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด

SHARE ON