ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด วิเคราะห์บอลหลังเกม

เอฟเวอร์ตัน 0-0 ลิเวอร์พูล : 5 ประเด็นที่เราเรียนรู้หลังเกม

เอฟเวอร์ตัน 0-0 ลิเวอร์พูล : 5 ประเด็นที่เราเรียนรู้หลังเกม
arrow_drop_down

แต่อย่างไรก็ตามผลเสมอในนัดนี้ก็เพียงพอมากแล้วสำหรับพวกเขาเพราะลงเล่นด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะมีหวังอะไรมากนัก

เกมเมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้ นัดที่ 200 เอฟเวอร์ตัน ไม่ชนะ ลิเวอร์พูล มาแล้ว 9 ปีติดต่อกัน

   เกมเมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้ นัดที่ 200 เอฟเวอร์ตัน ไม่ชนะ ลิเวอร์พูล มาแล้ว 9 ปีติดต่อกัน แต่อย่างไรก็ตามผลเสมอในนัดนี้ก็เพียงพอมากแล้วสำหรับพวกเขาเพราะลงเล่นด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะมีหวังอะไรมากนัก หากมีแต่เพียงอารมณ์ที่กระสันอยากจะขวางทางคู่ปรับร่วมเมืองไม่ให้เอื้อมมือไปหยิบโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก มาครองได้ 

   สำหรับ ลิเวอร์พูล ผลเสมอในนัดนี้เป็นที่น่าผิดหวังมากเพราะไม่เพียงพอที่จะส่งให้พวกเขากลับขึ้นไปยึดพื้นที่จ่าฝูงจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ โดยตอนนี้ผ่านมาแล้ว 29 เกม แชมป์เก่าอย่างเรือใบสีฟ้า นำเป็นจ่าฝูงอยู่ ทิ้งห่างอันดับ 2 อยู่ 1 คะแนน เหลือโปรแกรมอีกเพียง 9 เกมการแข่งขันเท่านั้น ต่อจากนี้ หงส์แดง ลิเวอร์พูล คงต้องสู้แบบยิบตาเน้นผลการแข่งขันแล้วล่ะ สำหรับเกมวันนี้มีประเด็นที่น่าจับตามองอยู่เยอะให้พูดถึงพอสมควร ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

5. สถิติหลังเกม และรูปเกมโดยรวม

   สถิติหลังเกมวันนี้ เจ้าบ้าน เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสยิงประตู 7 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง มีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 42 เปอร์เซนต์ ความแม่นยำในการส่งบอลอยู่ที่ 62 เปอร์เซนต์ 

  ทางฝั่งทีมเยือน หงส์แดง ลิเวอร์พูล เกมวันนี้มีโอกาสยิงประตู 10 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงเข้ากรอบถึง 2 ครั้ง ในเกมนี้ และมีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 58 เปอร์เซนต์ ความแม่นยำในการส่งบอล 74 เปอร์เซนต์

   สำหรับรูปเกมด้วยรวม ลิเวอร์พูล วันนี้ผิดฟอร์มไปนิด นักเตะไม่ค่อยเข้าใจกัน พลาดเองในหลาย ๆ จังหวะ เกมหนักทำให้การผสานเกมรุกแทบไม่มีให้เห็น จะได้โอกาสลุ้นก็จังหวะฉาบฉวย เกมนี้ผลเสมอที่ออกมาต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล โทษตัวเองจะดีกว่า

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

4. อยากเป็นใหญ่ใจต้องนิ่ง

   เหลือโปรแกรมอีกเพียง 9 เกมเท่านั้น ซึ่งนัดนี้ ลิเวอร์พูล ทำแต้มสำคัญหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย ผลเสมอที่ว่านี้ก็ไม่เพียงพออีกแล้วต่อจากนี้ไป เพราะทีมอย่าง เรือใบสีฟ้า ไม่ใช่ทีมที่จะพลาดง่าย ๆ สภาพทีมนักเตะอยู่ในช่วงที่สมบูรณ์เพอร์เฟค ถ้า ลิเวอร์พูล ยังไม่นิ่งพอ โอกาสที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรฟี่ในฝันก็คงต้องกลับมานอนฝันไปก่อนอย่างแน่นอน

   โดยเกมนี้ ลิเวอร์พูลยิ่งเล่นยิ่งพากันลนไปเอง ลูกง่าย ๆ พลาดแบบ งง ๆ ต่างจาก เอฟเวอร์ตัน ที่ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ ข้อนี้เห็นได้ชัดว่า จะเป็นใหญ่ใจต้องนิ่งจริง ๆ

   แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มองในแง่ดี ผ่านศึก แดงเดือด และ เมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้ แบบไม่แพ้ การที่เราต้องกลายเป็นทีมที่ตามหลังบ้างข้อนี้อาจจะเป็นแรงส่งและลดความกดดันหลาย ๆ อย่างออกไปได้ 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3. โอริกี ไม่ใช่คำตอบ

   ดิว็อค โอริกี ได้รับโอกาสจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้ หลังจากนัดล่าสุดทำประตูได้ และยังเคยเป็น ฮีโร่ จากเกม เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ ที่แอนฟิลดิ์ด้วย

   อย่างไรก็ตาม กองหน้าชาว เบลเยี่ยม ทำผลงานได้น่าผิดหวัง มีส่วนร่วมกับเกมรุกน้อยมาก ต่อให้พยายามเล่น ผลงานของเขาก็ยังไม่เพียงพอช่วยทีมได้ในเวลานี้อยู่ดี 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. แดนกลางไร้ซึ่ง จินตนาการ

   เอาจริง ๆ แล้ว ก็ไม่ถึงไร้จินตนาการอะไรขนาดนั้นนะ แต่มองจากรายชื่อ 3 กองกลางที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ส่งลงตัวจริงแล้ว จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโย่ ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ่ ต้องบอกว่า นี่คือกองกลางชนิดมดงานทั้งสิ้น ในเกมที่เราหวังเพียงเพื่อ 3 คะแนนสำคัญ ต่อให้ทีมจะแน่นขนาดไหนแต่เกมรุกก็พากันไปไม่เป็น ตัววิ่งสอดทำประตูไม่มีให้เห็น 

   เท่าที่ดูจากความคิดเห็นส่วนตัว ผมมองว่า ฟาบินโญ๋ และ เฮนเดอร์สัน เอาอยู่แล้วนะสำหรับแดนกลาง ไวจ์นัลดุม วันนี้ผิดฟอร์ม คล็อปป์ น่าจะเลือกส่ง นาบี เกอิต้า หรือ เชอร์ดาน ชากิรี่ ลงมาช่วย โม ซาลาห์ เพราะเท่าที่ดูแล้ว เกมนี้ เอฟเวอร์ตัน เองก็ไม่ได้เล่นแบบปิดพื้นที่ ออกจะเปิดแลกซะมากกว่า เสริมแนวรุกจี๊ด ๆ ลงไอีกสักคนน่าเป็นอะไรที่แฟน ๆ อยากเห็น

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. โม ซาลาห์ อย่าเงียบแบบนี้

   เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึง กับลีลาการเล่นของ โม ซาลาห์ ที่มองยังไงก็แตกต่างจาก ฤดูกาลที่แล้วโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะที่ กูดิสัน พาร์ค ซาลาห์ เคยทำผลงานได้ดีกว่านี้ในเกมล่าสุด

   โม ซาลาห์ โดน จอร์แดน พิกฟอร์ด ปฏิเสธลูกยิงไปถึง 2 ครั้ง โดยเจ้าตัวก็มีโอกาสที่จะทำประตูให้ หงส์แดง แต่ในขณะที่กำลังจะง้างเท้ายิงประตูดัน ไมเคิ่ล คีน แนวรับ เอฟเวอร์ตัน ก็พุ่งเข้าเสียบสกัดได้ทันเวลาพอดิบพอดี 

   ภาวนาให้ต่อจากนี้ โม ซาลาห์ รีบกลับมายิงประตูช่วยทีมได้สักที ตำแหน่งดาวซัลโว รออยู่นะ ซาลาห์

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

SHARE ON