ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด วิเคราะห์บอลหลังเกม

เรือใบแล่นฉิว : เปิด 5 ประเด็น แมนซิตี้ ไล่ทุบ อาร์เซน่อล

เรือใบแล่นฉิว : เปิด 5 ประเด็น แมนซิตี้ ไล่ทุบ อาร์เซน่อล
arrow_drop_down

แต่รูปเกมตลอด 90 นาที ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ครองเกมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ชนิดที่ผู้มาเยือนทำอะไรไม่ได้เลย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้งในแมตช์เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม ไล่ถล่ม อาร์เซน่อล 3-1 โดยแมตช์นี้พวกเขาไม่ใช่แค่เอาชนะด้วยผลการแข่งขันเท่านั้น

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้งในแมตช์เปิดรังเอติฮัด สเตเดี้ยม ไล่ถล่ม อาร์เซน่อล 3-1 โดยแมตช์นี้พวกเขาไม่ใช่แค่เอาชนะด้วยผลการแข่งขันเท่านั้น แต่รูปเกมตลอด 90 นาที ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ครองเกมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ชนิดที่ผู้มาเยือนทำอะไรไม่ได้เลย
    "เรือใบสีฟ้า" สามารถส่งแรงกดดันไปให้กับ ลิเวอร์พูล จ่าฝูงได้สำเร็จด้วยการบีบช่องว่างเหลือเพียงแค่ 2 แต้ม โดย "หงส์แดง" ต้องพยายามที่จะเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเกมลีกวันจันทร์นี้ เพื่อที่จะทำแต้มฉีกห่างออกไปเป็น 5 คะแนนเท่าเดิม

    สำหรับชัยชนะในแมตช์นี้ต้องยอมรับว่า "เป๊ป" เตรียมทีมมาเป็นอย่างดี และได้บทเรียนสำคัญจากเกมแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เพราะแมตช์นั้นพวกเขาได้ประตูนำตั้งแต่ไก่โห่แต่ไม่สามารถยิงประตูเพิ่มได้ ก่อนที่จะโดน "สาลิกาดง" ซัดคืนทบต้นทบดอก

    เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ ก็ได้ประตูเร็วจาก เซร์คิโอ อเกวโร่ และดูเหมือนฉายหนังม้วนเดิมเมื่อดันโดนตีเสมอได้ แต่จากประสบการณ์ที่แพ้ "สาลิกาดง" พวกเขารู้ว่าต้องฆ่าคู่แข่งให้ดับแดดิ้น ว่าแล้วก็เดินเครื่องไล่บี้อาคันตุตะชนิดที่โงหัวไม่ขึ้นโดยเฉพาะในครึ่งหลัง ทำให้ทีมเก็บ 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ


1. กุน อยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ  
    เซร์คิโอ อเกวโร่ จัดการเปิดแผลแรกให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งๆ ที่เกมเริ่มไปได้ยังไม่ถึงนาที ก่อนที่ อาร์เซน่อล จะกลับมาตีเสมอได้หลังจากนั้นไม่นาน อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า "ไอ้ปืนใหญ่" เจอกับทีมที่เหลือกว่าในทุกกระบวนท่า ทำให้พวกเขาแทบจะเปิดตำรารับมือไม่ทัน

    "กุน" ยังคงเป็นนักเตะที่อันตรายสำหรับแนวรับของทุกๆ ทีมเสมอ แมตช์นี้เขาจัดการซัดแฮทริกช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บ 3 คะแนนสำคัญและส่งให้ต้นสังกัดลดช่องว่างตามหลัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เหลือเพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น (ลิเวอร์พูล พบ เวสต์แฮม วันจันทร์นี้)

    นอกจากนี้ประตูของ อเกวโร่ ในเกมกับ อาร์เซน่อล ยังเป็นประตูเร็วครั้งที่สองที่เขาทำได้ โดยแมตช์นี้ใช้เวลาเพียง 46 วินาทีก็ช่วยให้ทีมขึ้นนำ ขณะที่เกมกับ นิวคาสเซิ่ล ใช้เวลา 24 วินาที ซึ่งดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ยิง 2 ประตูที่เร็วที่สุดในเกมพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

    ยิ่งไปกว่า ดาวเตะ"ฟ้าขาว" ยังเป็นตัวแสบของ อาร์เซน่อล เสมอโดยเขาซัดไป 7 ประตูจากการลงเล่นกับ "เดอะ กันเนอร์ส" 5 แมตช์หลังสุด นอกจากนี้เจ้าตัวยังตะบันแฮตทริคไปแล้ว 10 ครั้งในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีจากทั้งหมด 14 ครั้งที่ทำให้กับ แมนฯ ซิตี้ จากการลงแข่งทุกรายการ

    ก่อนหน้านี้ ดาวยิงเลือดอาร์เจนไตน์ เคยถูกต้องข้อสงสัยว่ามีดีพอที่จะอยู่ในทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า หรือไม่หลังจากที่เขามักจะโดนดร็อปนับตั้งแต่ที่ กาเบรียล เชซุส ย้ายมาร่วมทีม เนื่องจาก "เป๊ป" หวังจะปั้น หัวหอกอนาคตไกลชาวบราซิเลียน เป็นตัวหลักของทีม แต่สุดท้าย "กุน" ยังคงเป็นกองหน้าที่ไว้วางใจได้เสมอ และนี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่เขาพิสูจน์คุณค่าของตัวเองได้อีกแมตช์

2. ทำไม เอเมรี่ ไม่ส่งโอซิล หรือ แรมซี่ย์  ลงสนาม ?
    ก่อนเกมจะเปิดฉากมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องแท็คติกของ เอเมรี่ ว่าจะส่ง เมซุต โอซิล หรือ อารอน แรมซี่ย์ ลงเล่นเป็นกองกลางตัวรุก แต่งานนี้นายใหญ่ชาวสแปนิชไม่เลือกทั้งสองคน โดยเขาตัดสินใจส่ง อเล็กซ์ อิโวบี้ กับ มัตเตโอ เกนดูซี่ ทำหน้าที่สนับสนุน ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง กับ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ สองหัวหอกของทีม

    "เดอะ กันเนอร์ส" สามารถครองเกมได้ดีในระดับหนึ่งช่วงครึ่งแรก และมีโอกาสยิงประตูพอสมควร อย่างไรก็ตามการที่พวกเขาขาดกองกลางตัวรุกที่คอยสร้างสรรค์เกมทำให้ฟอร์มการเล่นในครึ่งหลังย่ำแย่สุดๆ และไม่มีโอกาสยิงประตูได้เลย

    ต้องยอมรับว่า เอเมรี่ เจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากจริงๆ เพราะในรายของ แรมซี่ย์ ก็ตกเป็นข่าวจะอำลาทีมไปเล่นให้ ยูเวนตุส ขณะที่ โอซิล ฟอร์มก็ไม่คงเส้นคงวา ด้วยเหตุนี้ทำให้เจ้าตัวต้องพบกับงานสุดหินในการเลือกนักเตะลงสนามเกมใหญ่แบบนี้

    การส่ง เดนิส ซูอาเรซ ซึ่งเพิ่งจะยืมตัวมาจาก บาร์เซโลน่า เพื่อช่วยทีมช่วงเส้นตายตลาดนักเตะฤดูหนาวนี้ ลงมาเล่นในครึ่งหลัง แต่คงยากจะช่วยพลิกเกมให้กับทีม เนื่องจาก แมนฯ ซิตี้ ครองเกมได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แถมเจ้าบ้านยังนำห่างไป 3-1 แล้ว สถานการณ์ยิ่งยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเข้าไปอีก


3. เป๊ป จัดแนวรับแกร่งยิ่งขึ้น  
    ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ  เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ สามารถเติมเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา กับ ราฮีม สเตอร์ลิง มีโอกาสได้ลากเลื้อยคอยปั่นป่วนเกมรับ อาร์เซน่อล ได้อย่างต่อเนื่อง

    ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ลาป๊อร์กต์ สามารถเติมเกมบุกทางฝั่งซ้ายได้บ่อยครั้งยิ่งกว่า วอล์คเกอร์ รวมไปถึง ซิลวา และ เควิน เดอ บรอย์น ซึ่งทั้งสามคนต้องรับผิดชอบในการเล่นเกมบุกฝั่งขวา และมีส่วนในการทำแอสซิสต์ให้กับ อเกวโร่ ในจังหวะทำประตูแรก

   อย่างไรก็ตามหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไม กวาร์ดิโอล่า ถึงจับ ลาป๊อร์กต์ ที่เล่นเซนเตอร์แบ็ก มาทำหน้าที่เป็นแบ็กซ้าย ยิ่งไปกว่านั้นในแผงแนวรับทั้ง 4 คน "เป๊ป" ยังดร็อป จอห์น สโตนส์ และให้ แฟร์นานดินโญ่ ลงตัวจริงในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กซึ่งสามารถขยับขึ้นเติมเกมแดนกลางในยามที่ แมนฯ ซิตี้ ได้ครองบอล

    งานนี้ต้องยอมรับว่า กวาร์ดิโอล่า ปรับเปลี่ยนแท็กติคได้ดีเยี่ยมหลังจากพลาดท่าแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เกมที่แล้ว ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เกมรับของแชมป์เก่ายังเล่นได้อย่างมีสมาธิมากกว่าแมตช์กับ "สาลิกาดง" นั่นเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้พวกเขาคว้า 3 แต้มได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้


4. ส่งแรงกดดันให้ ลิเวอร์พูล
    แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เปรียบอีกครั้งในสัปดาห์นี้เมื่อลงแข่งก่อน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล คู่แข่งแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่ต้องลงสนามดวลกับ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่สนามลอนดอน สเตเดี้ยม วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ (ตามเวลาท้องถิ่น)

    พวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวโอกาสในครั้งนี้ได้สำเร็จด้วยการดับซ่า อาร์เซน่อล และคว้า 3 คะแนนสำคัญมาได้ แน่นอนว่าตอนนี้ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้โยนแรงกดดันไปให้กับ "เดอะ เร้ดส์" เต็มๆ เพราะพวกเขาสามารถลดช่องว่างลงมาเหลือเพียง 2 คะแนนเท่านั้น

    ก่อนหน้านี้ "เรือใบสีฟ้า" สะดุดขาตัวเองด้วยการแพ้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-2 ขณะที่ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถทำแต้มฉีกหนีไปได้เพราะดันทำได้เพลงแค่เสมอ เลสเตอร์ ซิตี้ เท่านั้น สำหรับตอนนี้แฟนบอลพันธุ์แท้และพันธุ์ทางของ แมนฯ ซิตี้ คงจับจ้องเกมที่เวสต์แฮม และลุ้นตัวเกร็งว่า เจอร์เก้น คล็อปป์กับลูกน้องจะสะดุดขาตัวเองหรือเปล่า


5. เกมบุก อาร์เซน่อล เล่นไม่ออก  
     สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" คงเห็นเต็มสองตาแล้วว่าดูโอหัวหอกทั้ง โอบาเมย็อง กับ ลากาแซตต์ ทำอะไรไม่ได้เลย โดยในแมตช์นี้พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสสร้างสรรค์เกม และยิงประตูช่วยทีม ถ้าบอกแบบไม่เกรงใจทั้งสองคนไม่มีโอกาสยิงประตูแบบมีลุ้นให้กับต้นสังกัดได้เลย

    แม้ว่า โอบาเมย็อง จะเป็นตะบันไปแล้ว 15 ประตูในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี แต่การที่เขาขาดการสนับสนุนจากเกมบุกของทีม ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะยิงประตูให้ต้นสังกัด เช่นเดียวกับ กองหน้าชาวฝรั่งเศส ที่ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เนื่องจากเกมรุกของทีมโดน แมนฯ ซิตี้ จัดการจนอยู่หมัด

    ยิ่งไปกว่านั้นแผงกองกลางที่ เอเมรี่ ใช้งานในเกมนี้ก็ไม่สามารถผ่านบอล หรือสร้างโอกาสงามๆ ให้กับ กองหน้าทีมชาติกาบอง และ ลากาแซตต์ ได้เลย สิ่งเดียวที่ อาร์เซน่อล สามารถกดดัน แมนฯ ซิตี้ ได้ก็คือการเล่นลูกตั้งเตะ และนั่นทำให้พวกเขาได้ประตูตีเสมอ

    แม้ว่าการแพ้ แมนฯ ซิตี้ จะไม่ได้เรื่องใหญ่โตจนโลกต้องตื่นเต้น แต่สิ่งที่น่ากังวลก็คือ อาร์เซน่อล สะกดคำว่า "ชนะ" ไม่เป็นเลยในการออกไปเยือนเกมพรีเมียร์ลีก 5 นัดหลังสุด และหากผลงานยังเป็นแบบนี้ต่อไป โอกาสติดท็อปโฟร์มีสิทธิ์หลุดวงโคจรได้

SHARE ON