เบิร์นลีย์ 0-1 แมนฯ ซิตี้ : เก็บตก 4 ประเด็นร้อนหลังเกม

4. ความเป็นไปและรูปเกม

   รูปเกมที่ เทิร์ฟ มัวร์ เป็นไปอย่างที่คาดนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายครอบครองบอลเปิดเกมรุกเข้าใส่ได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ขณะที่ เบิร์นลีย์ ถอยลงไปตั้งรับลึกหน้าปากประตูของตนเองคอยอาศัยจังหวะสวนกลับจากบอลไดเร็กต์ให้กองหน้ารูปร่างสูงใหญ่ทั้ง แอชลีย์ บาร์นส และ คริส วูด เข้าทำ

   อย่างไรก็ตาม ครึ่งแรกดูเหมือนว่าแข้ง เรือใบสีฟ้า ดูจะตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างชัดเจนเมื่อพวกเขาต้องเอาชนะ เดอะคลาเร็ตส์ ให้ได้หากหวังที่จะทำคะแนนแซง ลิเวอร์พูล กลับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก เท่านั้น ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้การผ่านบอลของพลพรรค ซิตีเซนส์ ผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งและดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างเคย แสดงให้เห็นถึงความเครียดของพวกเขา

   หลังจากพักครึ่ง รูปเกมยังคงเป็นเช่นเดิมและความพยายามของทีมเยือนก็มาสำเร็จเอาในที่สุดจาก เซร์คิโอ อเกวโร

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3. ความกดดันที่ถาโถม

   ต่อเนื่องจากประเด็นในข้อก่อนหน้านี้ บรรดานักเตะ แมนฯ ซิตี้ ดูจะตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในครึ่งแรกที่การผ่านบอลของพวกเขาผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่หลังพักครึ่งรูปเกมของ ซิตี้ จะเข้ารูปเข้ารอยมากยิ่งขึ้น

   แต่สิ่งที่เราไม่ได้เห็นบ่อยครั้งนักก็คือแนวทางการเล่นแบบเพลย์เซฟสุดๆ ของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ที่หวังผลสุดๆ โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกมเมื่อลูกทีมของเขาถูกโยนบอมบ์ใส่อย่างหนักหน่วง

   เป๊บ ตัดสินใจส่งเอาทั้ง จอห์น สโตนส์ และ นิโคลาส์ โอตาเมนดี้ ลงมาสู่สนาม ขณะที่คู่เซ็นเตอร์แบ็คที่ออกสตาร์ททั้ง แวงซ็องต์ กอมปานี กับ ไอเมอริค ลาปอร์ต ก็ได้ลงเล่นจนจบเกม

   งานนี้ไม่รู้ว่านายใหญ่ชาว คาตาลัน สัมผัสได้ถึงความกดดันของลูกทีมจนต้องงัดการเล่นแบบหวังผลสุดๆ มาใช้งาน หรือว่าเป็นตัวเขาเองที่ส่งต่อความเครียดดังกล่าวในสถานการณ์ที่ทีมต้องการคะแนนสุดๆ แบบนี้กันกับท่าทีของเขาในช่วงท้าย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. แบร์นาโด้ ฉายแสงอีกครั้ง

   เป็นซีซันที่นับว่า แบร์นาโด้ ซิลวา โดดเด่นสุดๆ กับ แมนฯ ซิตี้ หลังจากก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนของทีมแทนที่ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเขาก็สามารถทำได้อีกครั้งในเกมนี้และเป็นการพิสูจน์ถึงเกียรติยศหลังติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้

   ในเกมที่ทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิง กับ เลรอย ซาเน ค่อนข้างจะเงียบเหงา พลพรรค ซิตีเซนส์ ก็ยังมี แบร์นาโด้ ที่วูบวาบในแดนหน้าทั้งการเคลื่อนที่เมื่อยามมีบอลและไม่มีบอล การเลี้ยงดวลเดี่ยวหนึ่งต่อหนึ่งที่ไว้วางใจได้ รวมไปถึงความขยันในการไล่บอลไม่มีเหน็ดเหนื่อยแทบตลอดทั้งเกม

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. อเกวโร ร้อนแรง

   เซร์คิโอ อเกวโร กลายเป็นนักเตะคนแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่สามารถยิงประตูแตะหลัก 20 ลูกได้ติดต่อกัน 5 ฤดูกาลเข้าไปแล้ว (2014/15 - 2018/19) ต่อจากที่ เธียร์รี อองรี ทำได้ (2001/02 - 2005/06) หลังเป็นคนพังประตูโทนในเกมนี้

   และแน่นอนว่าเขาจะยังคงเป็นคีย์แมนสำคัญในการพาทีมขับเคี่ยวกับ ลิเวอร์พูล บนหัวตารางในอีก 2 เกมที่เหลือของซีซันนี้

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------