ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด วิเคราะห์บอลหลังเกม

เซาท์แธมป์ตัน 1-3 ลิเวอร์พูล : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม

เซาท์แธมป์ตัน 1-3 ลิเวอร์พูล : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม
arrow_drop_down

ขึ้นนำไปก่อนแต่เจอทวงคืน 3 เม็ดรวดจากนาบิล เกอิต้า ที่เปิดซิงลูกแรกในสีเสื้อต้นสังกัดได้แล้วและโม ซาลาห์ ยุติเป้าสะอาดไว้ที่ 8 เกมซัดประตูชัยนาที 80 ก่อนจอร์แดน เฮนเดอร์สันเผาขนแซงคว้าชัยสะใจ 3-1 ขึ้นนำจ่าฝูงอีกครั้ง

เป็นอีกเกมที่ไม่ง่ายเอาเสียเลยของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล เหล่ากองแช่งที่นั่งกินมาม่าอยู่ถึงกับอยากปิดไฟนอนขึ้นมาทันทีหลัง ลิเวอร์พูล พลิกสถานการณ์ถูก เซาธ์แฮมป์ตัน

5. สถิติหลังเกมและรูปเกมโดยรวม

   สถิติหลังเกม เจ้าบ้าน เซาธ์แธมป์ตัน มีโอกาสยิงประตู 11 ครั้ง เข้ากรอบ 1 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 32 เปอร์เซนต์ ความแม่นยำในการส่งบอลอยู่ที่ 64 เปอร์เซนต์ 

   ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงประตู 17 ครั้ เข้ากรอบ 5 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์การครอบอลอยู่ที่ 68 เปอร์เซนต์ ความแม่นยำในการส่งบอลอยู่ที่ 82 เปอร์เซนต์

   สำหรับรูปเกมโดยรวม ช่วงครึ่งเวลาแรกต้องบอกเลยว่า เซาธ์แธมป์ตัน ทำได้ดีมากหาจังหวะเข้าทำได้หลายหน เพลสซิ่ง ได้ดี จับทางได้และปั่นป่วนแนวรับ หงส์แดง ตั้งแต่ต้นเกม โดยเฉพาะทางฝั่งซ้าย 

   และแน่นอนว่าการขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายของ เซาธ์แธมป์ตัน เป็นผลสำเร็จ เมื่อมาได้ประตูออกนำไปก่อนตั้งแต่นาที ที่ 9 ซึงทำให้เจ้าบ้านเล่นได้ใจมากขึ้น เซตเกมบุกใส่ต่อเนื่อง การจู่โจมทางริมเส้นของ เซาธ์แธมป์ตัน ทำได้ดีโดยเฉพาะ นาธาน เร้ดมอนด์ ที่เกมนี้เล่นได้โดดเด่น ต่างจาก เทรนต์ อเล็ก ซานเดอร์ อาโนลด์ ของ ลิเวอร์พูล ที่โดนเล่นงานอย่างหนักทำให้ฟอร์มดูเป๋ ๆ 

   แดนกลางของ ลิเวอร์พูล เป็นจุดอ่อนเลยทีเดียว แดนกลางที่ไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เจมส์ มิลเนอร์ คอยเติมเต็มความคึกคักดูหลวมมาก ซึ่งนั่นก็เข้าทาง เซาธ์แธมป์ตัน ทีมที่เล่นเพลสซิ่ง ได้ดี

   ลิเวอร์พูล ยังได้ประโยชน์จากลูกครอสอาวุธของแบ็คทั้งสองข้าง คอยปั่นป่วน เทรนต์ ที่ดูแย่ เรื่องเกมบุกเจ้าตัวยังใช้ได้อยู่

   อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ได้ประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนหมดครึ่งแรก จาก นาบี เกอิต้า ทำให้ครึ่งหลัง เล่นได้ไม่นาก บวกกับการแก้เกมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ขยับ ซาดิโอ มาเน่ ถ่างออกมาเล่นริมเส้น ใช้ความเร็วเลี้ยงกินตัวผู้เล่น เซาธ์แธมป์ตัน การเปลี่ยน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงไปเติมความคึกคะนองให้ทีม และเปลี่ยน เจมส์ มิลเนอร์ ลงไปเล่นแบ็คขวาแทน อาโนลด์ ที่รั่วพอสมควร ก่อนจะนำมาซึ่ง 2 ประตูชัยช่วงท้ายเกม

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

4. มาติป องค์ลง

   ฟอร์มวันนี้เป็นที่น่าประทับใจมาก ต่างจากหลาย ๆ เกม ที่ดูลนลาน เก้ ๆ กัง ๆ แปลก ๆ แต่วันนี้ องค์ ดันลงเฉย และมาลงได้ถูกวันเสียด้วย บอกตามตรงเลยว่าเกมนี้ แนวรุก เซาธ์แธมป์ตัน อันตรายมาก ทั้ง นาธาน เร้ดมอนด์ ที่ความเร็วจัดจ้านและ เชน ลอง ที่หาพื้นที่ได้ดี หลายจังหวะต้องชื่นชม โฌเอล มาติป 

   ช่วงครึ่งแรก แดนกลาง ของ หงส์แดง เล่นกันไม่ออกเลย มีหลายจังหวะที่ มาติป พาบอลขึ้นหน้าไปเอง ซึ่งก็ทำได้ดี

   แม้ไม่ได้โดดเด่นเท่า ฟาน ไดจ์ค หรือเยือกเย็นเท่า ซามี ฮูเปีย หรือมีความว่องไวเท่า โจ โกเมซ หรือมีเท้าระเบิดอย่าง แดเนียล แอ็กเกอร์ หรือแม้กระทั้งลูกบู๋แหลกอย่าง มาร์ติน สเคอร์เทล แต่เขาก็มีสไตล์ฟุตบอลในการเล่นที่น่ารำคาญที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ และด้วยสไตล์การเล่นที่ชอบผัวพัน ตอดนิดตอดหน่อย ตัดกำลังคู่ต่อสู้ทีละเล็กทีละน้อย และเก่งเรื่องการดักจังหวะเก็บกินในลูกกลางอากาศ ก็ถือว่าเขายังเป็นแนวรับที่ทำผลงานให้ ลิเวอร์พูล ผ่านไปได้อย่างต่อเนื่อง

สถิติหลังเกมของ โฌเอล มาติป 

เปอร์เซนต์การครองบอล 10.2 เปอร์เซนต์ จากการสัมปัสบอลทั้งหมด 106 ครั้ง (สูงที่สุดในเกม)

เปอร์เซนต์การผ่านบอลสำเร็จ 90 เปอร์เซนต์ 

เลี่้ยงผ่านสำเร็จ 1 ครั้ง 

เอาชนะลูกกลางอากาศ 7 ครั้ง (สูงที่สุดในเกม)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3. 3 ประตู สุดสำคัญ

   จริงอยู่ที่ 3 ประตู มีความสำคัญคือการเก็บชัยชนะ แต่ถ้ามองดี ๆ เราจะพบว่ารายชื่อคนทำประตูนั้น มาจากการ ปลดล็อกของ นาบี เกอิต้า กับการยิงประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้ ลิเวอร์พูล และ โม ซาลาห์ กับการเรียกความมั่นใจหลังจากยิงไม่ได้มา 8 เกม ติดต่อกัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่โดนวิพากษ์วิจารย์เรื่องไม่คู่ควรปลอกแขน 

   จังหวะดีใจของ เฮนเดอร์สัน มันปลุกอารมณ์ได้ดีจริง ๆ พลังผู้นำมาเต็ม ๆ ความมุ่งมั่นที่มีอยู่แล้วในตัวชายคนนี้ ยิ่งทะลักจนล้นไปหมด แต่ล้นแบบส่งต่อให้คนอื่นได้ 

   นาบี เกอิต้า ย้อนไปสมัยที่ เกอิต้า ยังเล่นให้ ไลป์ซิก เขามีค่าเฉลี่ยในการยิงประตู 7 ลูกต่อซีซั่นตอนที่เล่นในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี แต่เมื่อย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เจ้าตัวล้มเหลวในการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย จนกระทั่งเมื่อค่ำคืนที่เซนต์ แมรี่ส์ เขาโหม่งประตูตีเสมอให้ต้นสังกัดในช่วงครึ่งแรก ข้อกังขาเรื่องการปรับตัว 1 ประตูในเกมนี้น่าจะมีอะไรบ้างละ ที่ไปปลดล็อกความมั่นใจหรืออะไรสักอย่างที่ติดอยู่อีกเพียงนิดเดียวให้แฟน ๆ เดอะ ค็อป ได้หายสงสัยสักที 

   โมฮาเหม็ด  ซาลาห์ ความหวังของทีมทำประตูได้สักทีหลังจากรอมา 8 เกม ติดต่อกัน 5 นัดที่เหลือในพรีเมียร์ลีก หวังเหลือเกินว่า บังโม จะแบกความหวังของ เดอะ ค็อป ทั่วโลกไว้นบ่นบ่า วิ่งหน้าตั้งทยานเข้าเส้นชัยด้วยการคว้าแชมป์อย่างเต็มภาคภูมเสียที

   หลังจากนี้อีกเพียง 5 นัด เราคงจะได้เห็นฟอร์มการเล่นที่มั่นใจของพวกเขาอย่างแน่นอน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ Comeback

   หลังจากรอมานานถึง 8 เกมติดต่อกัน ในที่สุดความหวังของทีมอย่าง โมฮาเหฒ้ด ซาลาห์ ก็กลับมาผลิตสกอร์ได้สักที แถมยังเป็นการยิงประตูที่แสดงให้คนทั้งโลกเห็นแล้วว่า เขาสุดยอดขนาดไหน ความเร็วหลังจากโชว์สกิลกระชากบอลกว่า 60 หลาชนิดที่นักเตะ นักบุญ วิ่งไล่ไม่ทัน ก่อนจะกดด้วยซ้ายอย่างเหนือชั้นเข้าประตูไปอย่างงดงาม

   ซาลาห์ ทำประตูแรกในรอบ 9 นัดและเป็นประตูที่สำคัญที่สุดอีกลูกในฤดูกาลหลังยิงให้ทีมพลิกนำเซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 ก่อนชนะไป 3-1 ทำให้แซงหน้าแมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำจ่าฝูงอีกครั้ง

   "ผมคิดว่าการทำประตูที่ 50 ในพรีเมียร์ลีกเป็นสิ่งที่พิเศษ ผมมีความสุขอย่างมากที่ยิงประตูและช่วยทีมได้ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด" ซาลาห์ กล่าวหลังยิงครบครึ่งร้อยในด 69 นัด เร็วสุดในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล

   "นี่ยังเป็นประตูแรกของผมใน 9 นัด และเป็นประตูแรกของ เฮนเดอร์สัน หลังจาก 20 หรือ 30 นัดได้ ดังนั้นผมจึงมีความสุขด้วย"  

   เมื่อถูกถามว่าตั้งใจจะยิงเองอยู่แล้วหรือต้องการส่งให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่วิ่งฉีกรอรับบอลในจังหวะที่เล่นโต้กลับเร็ว ซาลาห์ ตอบว่า "ไม่เลย (ที่จะส่งให้ ฟีร์มีโน) ในฐานะกองหน้า คุณจำเป็นต้องยิงประตู ผมตัดสินใจที่จะยิงเอง"

สถิติหลังเกมของ ซาลาห์

โอกาสยิงประตู 2 ครั้ง

แย่งบอลสำเร็จ 6 ครั้ง

เปอร์เซนต์การผ่านบอลสำเร็จ 67 เปอร์เซนต์

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. เยอร์เก้น คล็อปป์ วิเคราะห์ขาด

   การแก้เกมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เกมนี้ทำได้ดีมากจริง ๆ แฟนบอล หงส์แดง หลายคนน่าจะประทับใจมากกับการแก้เกมของ เยอร์เกน คลอปป์ ในนัดนี้ ที่ตัดสินใจเปลี่ยนตัวรวดเร็วตั้งแต่ช่วงต้น ๆ ครึ่งหลัง การส่ง เจมส์ มิลเนอร์ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมา มีผลกับเกมเป็นอย่างมาก เฮนเดอร์สัน โหม่งให้ ซาลาห์ ลากไปยิงขึ้นนำ 2-1 แถมยิงประตูปิดกล่องให้ทีมได้ด้วย ส่วน มิลเนอร์ ก็ปิดบ่อในเกมรับของทีมที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ สร้างไว้ได้เป็นอย่างดี แถมยังเติมเกมบุกให้ทีมได้เรื่อย ๆ อีกต่างหาก

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

SHARE ON