ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

ภารกิจแรกสำหรับ ลิเวอร์พูล ผ่านพ้นไปด้วยดี เมื่อพวกเขาเปิดรังแอนฟิลด์ สอย เอฟซี ปอร์โต้ 2-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้พวกเขาสามารถเพ่งสมาธิในเกมที่จะพบ เชลซี เกมพรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้

เกอิต้ามาแรง ! ผ่า 5 ประเด็นสำคัญ ลิเวอร์พูล ฟอร์มฮอตทุบ ปอร์โต้
arrow_drop_down

เกอิต้ามาแรง ! ผ่า 5 ประเด็นสำคัญ ลิเวอร์พูล ฟอร์มฮอตทุบ ปอร์โต้

ภารกิจแรกสำหรับ ลิเวอร์พูล ผ่านพ้นไปด้วยดี เมื่อพวกเขาเปิดรังแอนฟิลด์ สอย เอฟซี ปอร์โต้ 2-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันอังคารที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้พวกเขาสามารถเพ่งสมาธิในเกมที่จะพบ เชลซี เกมพรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้

    สำหรับเกมนี้ "หงส์แดง" โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมากๆ ในครึ่งแรกเมื่อเปิดเกมบุกไล่บี้ผู้มาเยือนแบบไม่ให้ตั้งตัว และได้สองประตูจาก นาบี เกอิต้า กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โดยแมตช์นี้ มิดฟิลด์ทีมชาติกีนี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และยิงได้สองประตูจากสองเกมล่าสุดที่ได้ลงสนาม

    ในขณะที่แผงกองกลางต้องยอมรับว่า "เดอะ เร้ดส์" เล่นได้แข็งแกร่งเหนือกว่า ปอร์โต้ โดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ และ เกอิต้า สามารถครองเกมได้ตลอด ส่วนแนวรับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยังคงเป็นหัวใจในแผงแบ็กโฟร์เหมือนเดิม สำหรับตำแหน่งแบ็กซ้าย ที่สาวก "เดอะ ค็อป" กังวง งานนี้ เจมส์ มิลเลอร์ ถือว่าทดแทนการขาดหายของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ติดโทษแบนได้เป็นอย่างดี  

 

1. ฟีร์มีโน่ เฉิดฉาย
    โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าทีมชาติบราซิล โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดและแน่นอนว่าผลงานของเขามันส่องสว่างเปล่งประกายยิ่งกว่าฟันขาวๆ ที่ส่งแสงเงาวับยามโชว์รอยยิ้มพิมพ์ใจซะอีก เมื่อเขาเป็นกุญแจสำคัญในการป่วนเกมรับของ ปอร์โต้ จนหัวหมุน

    สตาร์ลูกหนังเลือดแซมบ้า มีส่วนสำคัญในเกมรุกของ ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ อย่างแท้จริงในเกมนี้ โดยในจังหวะที่ได้ประตูแรก ฟีร์มีโน่ ได้รับบอลจาก ซาดิโอ มาเน่ ก่อนจะรอจังหวะเพื่อผ่านบอลให้ เกอิต้า ที่จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

    ขณะที่จังหวะได้ประตูที่สอง เริ่มจากการที่ ฟีร์มีโน่ ส่งบอลให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จากนั้นก็ทิ่มบอลทะลุช่องให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ปาดบอลเลียดเข้ามาที่หน้าประตู และเป็น หัวหอกชาวบราซิเลียน ที่ทำหน้าที่ยื่นเท้าเข้าไปแตะบอลให้เข้าประตูเท่านั้น

    ประตูที่สองในเกมนี้กลายเป็นประตูที่ 65 จากการลงเล่นให้ "หงส์แดง" 164 แมตช์ และนับตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมามีเพียงแค่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำนวนประตูของสโมสร มากกว่า ฟีร์มีโน่ ในการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก โดย "บ็อบบี้" มีส่วนกับประตู 21 ครั้ง (13 ประตูกับ 8 แอสซิสต์)


2. เกอิต้า กำลังฟอร์มเข้าฟัก
    ตอนนี้หลายคนที่เคยปรามาส นาบี เกอิต้า กองกลางตัวเก่ง ว่าฟอร์มไม่คุ้มกับค่าตัวจำนวน 52.7 ล้านปอนด์ (ราว 2,160.7 ล้านบาท) ตอนที่ควักกระเป๋าจ่ายให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เพราะนักเตะกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีเยี่ยมในช่วงเวลาสำคัญของซีซั่นซะด้วย

    ดาวเตะชาวกีนี ต้องเจอกับประสบการณ์ที่แสนยากลำบากในการเค้นฟอร์มเก่ง และการเล่นให้คงเส้นคงวาเหมือนสมัยที่อยู่กับ ไลบ์ซิก แต่อยู่ดีๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกอิต้า กลับมาเรียกฟอร์มสุดยอดได้อย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อซัด 2 ประตูจากสองเกมติดต่อกัน

    เกอิต้า เปิดทางสว่างในรอบ 8 ทีมสุดท้ายให้กับ "เดอะ เร้ดส์" เมื่อเป็นคนเบิกประตูแรกให้กับต้นสังกัด โดยเจ้าตัวได้รับบอลมาจาก ฟีร์มีโน่ ก่อนที่จะจับบอลพลิกตัว และยิงประตูเต็มข้อ แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นจังหวะที่มีโชคนิดหน่อยเมื่อบอลแฉลบแนวรับของ ปอร์โต้ ทำให้ อีเกร์ กาซิยาส นายด่านจอมเก๋าหมดสิทธิ์ป้องกัน

    ก่อนหน้านี้ในเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ต้องบอกว่า เกอิต้า มีส่วนสำคัญในการคว้า 3 แต้มให้กับทีม เมื่อเขาเป็นคนที่โหม่งประตูให้ทีมตีเสมอ "นักบุญ" ฉะนั้นผลงานของเขาถือเป็นจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็มแผงกองกลางของทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้

 

3. กัปตันทุ่มเทเกินร้อย
    กรณีของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็คล้ายๆ กับ เกอิต้า เพราะกัปตัน "หงส์แดง" ไม่ค่อยได้รับความไว้วางใจจากสาวก "เดอะ ค็อป" เกี่ยวกับการเล่นที่คงเส้นคงวา และการเห็นชื่อของเขาเป็นตัวจริงในแผงกองกลาง แน่นอนว่าทำให้แฟนบอลรู้สึกหวาดหวั่นใจพอสมควร

   ไม่มีอะไรต้องสงสัยเรื่องความทุ่มเทของ เฮนเดอร์สัน เพราะเขาพร้อมที่จะใส่เกินร้อยเพื่อสโมสรทุกครั้งที่ได้รับโอกาสลงสนามไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง โดยในแมตช์ที่ไล่อัด เอฟซี ปอร์โต้ ต้องบอกว่า มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ เล่นได้สุดยอดลบคำสบปรามาสแฟนบอลบางคนได้เป็นอย่างดี

    การทำหน้าที่ในแดนกลางต้องบอกว่า "เฮนโด้" เล่นได้เข้าขารู้กับกับ ฟาบินโญ่ และ เกอิต้า ขณะที่การเติมเกมบุกก็ยังคงทำได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในจังหวะที่ทีมได้ประตูขึ้นนำ 2-0 เมื่อเขาส่งบอลได้อย่างเฉียบคมให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก่อนจะผ่านบอลเลียดให้ ฟีร์มีโน่ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายแบบง่ายๆ สบายอุรา

 

4. โมเรโน่ หมดอนาคต
    ต้องยอมรับว่า โรแบร์โต้ โมเรโน่ อยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายกับ ลิเวอร์พูล จริงๆ โดย ดาวเตะเลือดสแปนิช ดูเหมือนว่าคงจะต้องหาสโมสรใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้แน่นอน เพราะเขาพลาดโอกาสที่จะได้ลงสนามในเกมพบ ปอร์โต้ ทั้งๆ ที่ทีมขาดผู้เล่นแบ็กซ้าย

    โรเบิร์ตสัน ติดโทษแบนทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องเลือกผู้เล่นลงสนามในตำแหน่งแบ็กซ้าย ซึ่งหากมองจากความเป็นจริงแล้ว โมเรโน่ เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะได้รับโอกาสดังกล่าว แต่กลายเป็นว่าเขายังคงต้องนั่งตบยุงในซุ้มม้านั่งสำรองตามเดิม

    นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช เลือกส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามในตำแหน่งฟูลแบ็ก ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่ถนัดของเขา เพราะ มิลเนอร์ มักจะทำผลงานได้ดีในการเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ อย่างไรก็ตาม อดีตดาวเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ทำให้ คล็อปป์ ผิดหวังเมื่อทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม

    จากสถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่า โมเรโน่ คงรู้ว่าอนาคตของเขาคงไม่มีอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหาก โจ โกเมซ หายเจ็บและกลับมาฟิตสมบูรณ์ทางเลือกในตำแหน่งแนวรับยิ่งแน่นเอี๊ยด และงานนี้สิ่งที่ ดาวเตะเลือดกระทิงดุ ควรทำก็คือเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า และอำลาถิ่นแอนฟิลด์

 

5. มิลเนอร์ พิสูจน์ว่าทดแทน โรเบิร์ตสัน ได้
    การที่ โรเบิร์ตสัน โดนแบน แน่นอนว่าทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลค่อนข้างกังวลใจ เพราะจะหาใครมายืนแบ็กซ้าย ครั้นพอมองเห็นใบหน้าของ โมเรโน่ ทุกๆ เสียงเปล่งพร้อมกันว่า "ไม่เอา" เนื่องจากผลงานเก่าๆ ที่เขาได้สร้างเอาไว้มันน่ากลัวเหลือเกิน

    อย่างไรก็ตาม "หงส์แดง" มี มิลเนอร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์อย่างแท้จริง และการจับ ดาวเตะชาวอังกฤษ ลงเล่นตัวจริงในเกมรับมือ ปอร์โต้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด เพราะ มิลเนอร์ ทำหน้าที่ได้ดี และสามารถปิดเกมรุกทางฝั่งขวาของทีมเยือนอยู่หมัด

    แน่นอนว่า มิลเนอร์ เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมเมื่อยามที่ทีมขาด กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ แต่หลังจากนี้ไปเขาอาจจะต้องกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมนั่นก็คือที่ซุ้มม้านั่งสำรอง เพราะ โรเบิร์ตสัน พ้นโทษแบนแล้ว และคงยากที่ คล็อปป์ จะดร็อปนักเตะที่เล่นได้คงเส้นคงวาที่สุดของ "เดอะ เร้ดส์"

 


 

SHARE ON