บาร์เซโลน่า เพิ่งบุกไปยำ เรอัล มาดริด 3-0 ในศึก โกปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อคืนวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และคืนนี้ในวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม ทั้งสองทีมจะทำศึก
เกมตัดสินแชมป์? 5 ประเด็นศึก "เอล กลาซิโก" เรอัล มาดริด VS บาร์เซโลน่า
- เกมตัดสินแชมป์
ถึงแม้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ กุนซือ บาร์เซโลน่า ออกมาติดเบรกก่อนเกมว่า "นี่ไม่ใช่แมตช์ตัดสินแชมป์" แต่ในความเป็นจริงนั้น สามารถเป็นเกมชี้แชมป์ได้เลย โดยเฉพาะหากชัยชนะตกเป็นของ บาร์ซ่า เพราะนั่นจะทำให้พวกเขาโกยคะแนนทิ้ง เรอัล มาดริด ที่รั้งอันดับสามไปไกลถึง 12 แต้ม และก็อาจจะหนี แอตเลติโก มาดริด ทีมรองจ่าฝูง เป็น 10 แต้มด้วย เพราะ "ตราหมี" เจองานที่ไม่เบาเลย กับการที่จะต้องออกไปเยือน เรอัล โซเซียดาด ในวันอาทิตย์ ดังนั้นหากเป็นไปตามที่ว่า คงเป็นเรื่องยากที่ บาร์ซ่า จะพลาดแชมป์ ต่อให้เหลือเกมลงเตะอีกถึง 12 นัดก็ตาม
- ซัวเรซ ชอบยิง เรอัล มาดริด
ฤดูกาลนี้ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกดาวดัง บาร์เซโลน่า อาจมีฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่า เจ้าตัวจะเล่นได้ท็อปฟอร์มเสมอเมื่อเจอกับ เรอัล มาดริด เพราะ 3 เกมที่ลงฟาดแข้งกับ "ราชันชุดขาว" ในซีซั่นนี้ ซัวเรซ กระทุ้งไปถึง 5 ประตู ซึ่งนั่นคือการยิง 2 ลูกในเกมเมื่อวันพุธ และการกดแฮตทริกในเกมแรกของซีซั่นที่ บาร์ซ่า เปิดรัง คัมป์ นู ยำใหญ่ เรอัล มาดริด 5-1 ดังนั้นเกมในคืนนี้กุนซือ ซานติอาโก โซลารี่ ต้องติวลูกทีมเป็นพิเศษในการรับมือกับยอดดาวยิงชาวอุรุกวัย
- บาร์ซ่า ลุ้นคว้าชัยที่ 95 ในศึก "เอล กลาซิโก"
บางสื่ออ้างว่า บาร์ซ่า คว้าชัยชนะในศึก "เอล กลาซิโอ" เท่ากับ เรอัล มาดริด ที่ 95 ครั้งเรียบร้อย หลังคว้าชัยในเกม โกปา เดล เรย์ เมื่อคืนวันพุธ แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นสถิติที่นับรวมเกม โกปา เด ลา โกโรนาซิออน (ปัจจุบันคือ โกปา เดล เรย์) เมื่อปี 1902 ที่ บาร์ซ่า พิชิต เรอัล มาดริด 3-1 ด้วย ซึ่งรายการนี้ในตอนนั้นยังไม่ได้ถูกรับรองโดย สหพันธ์ฟุตบอลสเปน (อาร์เอฟอีเอฟ) ดังนั้นจึงถือว่าไม่ใช่เกมอย่างเป็นทางการ ซึ่งเท่ากับว่า ตอนนี้ชัยชนะของ บาร์ซ่า ในศึก "เอล กลาซิโก" อยู่ที่ 94 ครั้ง และพวกเขาจะขึ้นไปเทียบเท่ากับ เรอัล มาดริด ทันที หากคว้าชัยในคืนนี้
- เรอัล มาดริด หวังเฮที่บ้านเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
การเจอกันช่วงหลังดูเหมือนว่า เรอัล มาดริด จะแพ้ทาง บาร์เซโลน่า อย่างชัดเจน เพราะ 10 เกมหลังสุดที่เจอกันในลีกนั้น เรอัล คว้าชัยได้แค่ 2 หนเท่านั้น ส่วน บาร์ซ่า กดชัยไปถึง 6 ครั้ง (อีก 2 ครั้งเสมอกัน) และถ้าหากนับเฉพาะการฟาดแข้งกันที่สังเวียนแข้ง ซานติอาโก เบร์นาเบว "ราชันชุดขาว" เอาชนะ บาร์เซโลน่า ไม่ได้มา 3 เกมติดแล้ว แถมเป็นการแพ้รวดด้วย (ด้วยสกอร์ 0-4, 2-3 และ 0-3) โดยชัยชนะหนล่าสุดต้องย้อนกลับไปในฤดูกาล 2014-15 เลยทีเดียว ซึ่งตอนนั้น เรอัล อัด บาร์ซ่า 3-1
- "เอล กลาซิโก" ที่ 42 ของ รามอส
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีม เรอัล มาดริด ก็จะลงสัมผัสเกม "เอล กลาซิโก" เป็นครั้งที่ 42 ซึ่งนั่นจะทำให้เจ้าตัวขึ้นมารั้งอันดับสองในประวัติศาสตร์ เทียบเท่ากับ ชาบี เอร์นานเดซ และ ฟรานซิสโก้ เกนโต้ โดยที่ตามหลัง มานูเอล ซานชีส ที่รั้งเบอร์หนึ่งอีกแค่เกมเดียวเท่านั้น ขณะที่ทางฝั่ง ลิโอเนล เมสซี่ ยอดกองหน้ากัปตันทีม บาร์เซโลน่า ก็จะลงเตะเกม "เอล กลาซิโก" เป็นครั้งที่ 41 และจะเป็นรองเพียงแค่ ซานชีส, ชาบี, เกนโต้ และ รามอส
