ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

บุนเดสลีกานั้นเป็นลีกที่ขึ้นชื่อว่ามีการใช้ไหวพริบและกลยุทธ์ต่อสู้กันอย่างเข้มข้น ทั้งเกมรับที่แข็งแกร่งเปี่ยมประสิทธิภาพตามมาตรฐานเยอรมัน ผนวกกับเกมรุกที่หลากหลายและโจมตีได้อย่างอิสระจนทำให้เกมการแข่งขันเป็นที่น่าดูน่าชมเสมอ ทั้งหมดนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้โค้ชสายเลือดใหม่อย่าง นิโก้ โควัช ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ฟลอเรียนโคห์ลเฟลด์ รวมทั้งสองโค้ชมากประสบการณ์อย่างลูเซียง ฟาฟร์ และ ราล์ฟ รังนิก

ส่องกลยุทธ์ยอดกุนซือบุนเดสลีกา
arrow_drop_down

ส่องกลยุทธ์ยอดกุนซือบุนเดสลีกา

บุนเดสลีกานั้นเป็นลีกที่ขึ้นชื่อว่ามีการใช้ไหวพริบและกลยุทธ์ต่อสู้กันอย่างเข้มข้น ทั้งเกมรับที่แข็งแกร่งเปี่ยมประสิทธิภาพตามมาตรฐานเยอรมัน ผนวกกับเกมรุกที่หลากหลายและโจมตีได้อย่างอิสระจนทำให้เกมการแข่งขันเป็นที่น่าดูน่าชมเสมอ ทั้งหมดนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้โค้ชสายเลือดใหม่อย่าง นิโก้ โควัช ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ฟลอเรียนโคห์ลเฟลด์ รวมทั้งสองโค้ชมากประสบการณ์อย่างลูเซียง ฟาฟร์ และ ราล์ฟ รังนิก

    ที่กล่าวถึงเป็นเพียง 5 จาก 25 กุนซือทั้งหมดที่มีส่วนร่วมใน 306 เกมบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ซึ่งมีแผนการเล่นที่ปรากฏทั้งหมดถึง 25 รูป      แบบด้วยกัน ทั้งแบบกองหลังสี่คนหรือสามคน และการจัดทัพมิดฟิลด์และกองหน้าอีกมากมายหลายแบบ เรามาเจาะลึกกันว่าแผนการเล่นแบบไหนที่ประสบความสำเร็จ แบบไหนที่ล้มเหลว แนวรับ 3 หรือ 4 ตัวดีกว่ากัน และควรมีกองหน้าในทีมกี่คนดี...

    การกลับมาของระบบ 4-4-2

    ระบบนี้เคยกลายเป็นระบบที่ล้าสมัยไปแล้วโดยเฉพาะในอังกฤษ แต่ในฤดูกาลนี้ระบบ 4-4-2 ถูกนำกลับมาใช้มากขึ้นโดยพบได้ถึง 28% หลังจากในฤดูกาลที่แล้วพบแค่เพียง 18% โดยสโมสรที่นำมาใช้บ่อยที่สุดคือไมนซ์ (25 นัด) ไฟรบวร์ก (24) และแอร์เบ ไลป์ซิก (23) แสดงให้เห็นว่าระบบนี้มีความเหมาะสมกับสโมสรที่อยู่ทั้งหัว/กลาง/ท้ายตาราง และเหมาะกับหลายๆ สถานการณ์ของเกม 

    ทีมที่ใช้ระบบ 4-4-2 มีอัตราชนะสูงถึง 45% ใกล้เคียงกับระบบ 4-3-3 (47%) และระบบ 4-2-3-1 (46%) มากทีเดียว ซึ่งสองระบบหลังคือระบบที่นิโก้ โควัชใช้กับบาเยิร์น มิวนิค และฟาฟร์ใช้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ตามลำดับนั่นเอง 

    ถ้าตัดบาเยิร์นและดอร์ทมุนด์ออกไป อัตราการชนะของระบบ 4-3-3 จะตกลงไปเหลือ 42% และระบบ 4-2-3-1 เหลือ 38% เท่านั้น 

    ยืนหลังสามตัว

    การใช้กองหลังสามคนพบได้ในแผนการเล่นของนาเกลส์มันน์ (ฮอฟเฟนไฮม์) อาดี้ ฮึทเทอร์ (ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต) และโดเมนิโก เทเดสโก้ กับ ฮูบ สเตเวนส์ (ชาลเค่อ) แล้วยังถูกใช้กับแทบทุกทีมในบุนเดสลีกายกเว้นบาเยิร์น ดอร์ทมุนด์ และโวล์ฟสบวร์ก โดยในฤดูกาลนี้พบว่ามีการใช้กองหลังสามคน 28% ลดลงจากในฤดูกาลก่อนที่พบ 28% ไม่เพียงแต่อัตราการใช้งานที่ลดลง แต่อัตราการประสบความสำเร็จจากกองหลัง 3 คนก็ลดลงด้วย โดยเฉพาะกับชาลเค่อและฮอฟเฟนไฮม์ที่ใช้ระบบนี้มีอัตราเก็บชัยชนะลดลงจาก 31% ในฤดูกาลก่อนเหลือเพียง 24% ในฤดูกาลนี้ (จบที่อันดับ 14 และ 9 ตามลำดับ)

   ในทางกลับกันการใช้กองหลัง 4 คนกลับประสบความสำเร็จมากขึ้นจาก 40% เป็น 43% แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่าการยืนหลัง 3 คน ในซีซั่นนี้แฟรงค์เฟิร์ตคือทีมที่ใช้ระบบกองหลัง 3 คนบ่อยที่สุดในลีก น่าเสียดายที่พวกเขามาพลาดตั๋วลุยศึกฟุตบอลยุโรปในเกมสุดท้ายของฤดูกาล แต่สถิติเกมรับของทีมอินทรีแดง-ดำก็ถือว่ายังติดท็อป 5 ของลีกและสามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกยูโรป้า ลีกได้ อาดี้ ฮึทเทอร์ได้แสดงให้เราเห็นว่าแผนนี้เวิร์คหากใช้ผู้เล่นและกลยุทธ์ที่ถูกต้อง มี 4 เกมที่เขาไม่ได้ใช้ระบบกองหลัง 3 คนปรากฏว่าแฟรงค์เฟิร์ตเอาชนะคู่แข่งได้เพียงนัดเดียวเท่านั้น

    ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลจะพบว่าไลป์ซิกก็ใช้กองหลังสามคนเสมอและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยที่พวกเขาไม่แพ้ถึง 9 เกมและเอาชนะได้ 6 เกมเมื่อใช้กองหลังสามคน

    กองหน้ากี่คนดี?

    เพราะระบบ 4-4-2 ถูกใช้บ่อยในฤดูกาลนี้ เราจึงเห็นการใช้กองหน้า 2 คนบ่อยที่สุด (47%) โดยที่มีการใช้กองหน้าคนเดียวเพียง 27% ตามด้วยกองหน้า 3 คน 26%

    ส่วนอัตราการชนะนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกัน การใช้กองหน้า 3 คนทำให้มีโอกาสชนะสูงสุดที่ 41% ตามด้วยกองหน้าคนเดียวที่ 40% ส่วนกองหน้า 2 คนมีอัตราชนะน้อยที่สุดที่ 35%

    แต่ก็คล้ายกับข้อมูลข้างต้นที่บอกว่าทีมที่ใช้กองหน้า 3 คนหรือกองหน้าคนเดียวก็คือบาเยิร์นและดอร์ทมุนด์ หากตัดสองทีมนี้ออกแล้วการใช้กองหน้าคนเดียวจะมีอัตราชนะลดลงเหลือ 30% ส่วนการใช้กองหน้า 3 คนก็ลดลงเหลือ 34% 

    เล่นแบบหลากหลายหรือแบบคงที่ดีล่ะ?

    มีสถิติที่บ่งชี้ว่าการเล่นให้หลากหลายกับเล่นแบบไม่ใช้ระบบมากมายเกินไปอันไหนดีกว่ากัน ซึ่งผลคืออันหลังดีกว่า 2 ใน 4 ทีมที่เปลี่ยนแผนการเล่นบ่อยๆ มีอันต้องตกชั้นไปในฤดูกาลนี้ (ฮันโนเวอร์และชตุทท์การ์ท) ในกรณีนี้คงเป็นการพยายามหาระบบการเล่นที่ดีที่สุดให้กับทีมและเปลี่ยนโค้ชเพื่อความอยู่รอด (ชตุทท์การ์ทเปลี่ยน 3 คนในฤดูกาลเดียว) 

    เมื่อดูกลุ่มหัวตารางจะพบว่าทีมที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแผนการเล่นนั้นประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด ทั้งดอร์ทมุนด์ ไลป์ซิก โบรุสเซีย เมินเชนกลัดบัค และโวล์ฟสบวร์กต่างคว้าตั๋วฟุตบอลยุโรปได้สำเร็จโดยใช้แผนการเล่นเพียง 4 แบบเท่านั้น ซึ่งแต่ละแบบก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไหร่ โดยทีมแชมป์บาเยิร์นใช้ทั้งหมด 5 แผน ส่วนไบเออร์ เลเวอร์คูเซนใช้ทั้งหมด 6 แผน 

    สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง Ones to avoid

    ถ้าคิดอยากจะเอาชนะคู่แข่งในเกมบุนเดสลีกา สิ่งต้องห้ามก็คือห้ามเริ่มเกมด้วยระบบกองหลัง 5 ตัว เพราะตามสถิติของทีมที่เคยลองใช้ระบบนี้นั้นเก็บแต้มไม่ได้เลยแม้แต่คะแนนเดียว กรณีนี้ไม่ได้หมายถึงการใช้กองหลังสามคนและมีวิงแบ็คริมเส้นที่ช่วยเติมเกมบุกนะ

    มีการใช้ระบบ 3-4-2-1 สามครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมาโดยทีมแฟรงค์เฟิร์ต ฮันโนเวอร์และฮอฟเฟนไฮม์ และมีเพียงทีมหลังสุดที่พอจะเก็บแต้มได้จากระบบนี้ มีการใช้ระบบ 3-4-3 ประมาณ 30 ครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งได้รับชัยชนะเพียง 5 นัดและแพ้ถึง 15 นัด

    แล้วฤดูกาล 2019/20 จะเป็นอย่างไร?

    นาเกลส์มันน์กำลังจะขึ้นไปนั่งเก้าอี้กุนซือของแอร์เบ ไลป์ซิกในฤดูกาลหน้าในฐานะโค้ชที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา โดยเขามีชื่อในเรื่องการคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ ทั้งในและนอกสนาม นาเกลส์มันน์ยังชื่นชอบการใช้แผงหลังสามคน ซึ่งไลป์ซิกเองก็เคยชินกับแผนนี้อยู่แล้วจึงไม่น่าเกิดปัญหาในช่วงเปลี่ยนผลัดเปลี่ยนโค้ช

    ด้านโควัชเองก็เคยแสดงให้เห็นว่าชอบใช้กองหลังสามคนตั้งแต่สมัยที่ยังคุมแฟรงค์เฟิร์ต และพยายามนำมาปรับใช้กับบาเยิร์นจนประสบความสำเร็จในฤดูกาลแรกที่มิวนิค อย่างไรก็ตามเขาเพิ่งได้ตัวสองกองหลังตัวเก่ง เบนฌาแมง ปาวาร์ และลูคัส แอร์น็องเดซ มาเสริมทัพในแนวรับร่วมกับนิคลาส ซือเล่อ ตัวเลือกอันดับหนึ่ง

    ขณะที่ในรั้วดอร์ทมุนด์ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เมื่อเสือเหลืองเริ่มช็อปปิ้งเสริมทัพไปแล้วหลายราย ทั้งตอร์กาน อาซาร์ ยูเลียน บรันด์ท และนิโค ชูลซ์ และมีทีท่าว่าจะเสริมทัพเพิ่มอีกแน่ๆ ดูแล้วฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มในวันที่ 16 สิงหาคมนี้คงมีอะไรใหม่ๆ ให้ติดตามและน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย

SHARE ON