ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

เยอรมนี แสดงให้เห็นแล้วว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเอาจริง พวกเขายังคงแข็งแกร่งล่าสุดสามารถงัดฟอร์มเก่งเฉือน ฮอลแลนด์ 3-2 ที่สนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2020" รอบคัดเลือก กลุ่ม ซี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สิงห์สนามจริง ! ผ่า 4 ประเด็นเด็ด เยอรมนี บุกสอย ฮอลแลนด์
arrow_drop_down

สิงห์สนามจริง ! ผ่า 4 ประเด็นเด็ด เยอรมนี บุกสอย ฮอลแลนด์

เยอรมนี แสดงให้เห็นแล้วว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเอาจริง พวกเขายังคงแข็งแกร่งล่าสุดสามารถงัดฟอร์มเก่งเฉือน ฮอลแลนด์ 3-2 ที่สนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2020" รอบคัดเลือก กลุ่ม ซี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ทัพ "อินทรีเหล็ก" เริ่มต้นได้ดีเมื่อในครึ่งแรกได้ประตูนำเจ้าบ้าน 2-0 แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง โรนัลด์ คูมัน แก้เกมได้ดีและจัดการไล่บี้เกมรับของ เยอรมนี จนปั่นป่วนก่อนจะมาได้สองประตูตีเสมอเป็น 2-2 โดยเกมนี้ดูเหมือนจะจบลงด้วยการแบ่งแต้ม แต่เป็นทีมเยือนที่ได้  นิโก้ ชูลซ์ ในนาทีสุดท้ายทำให้ ทีมของกุนซือโยอัคคิม เลิฟ คว้า 3 แต้มสำคัญได้สำเร็จ

1. เลรอย ซาเน่ ร้อนแรงเหลือเกิน
    โยอัคคิม เลิฟ ทำให้หลายคนต้องตกตะลึงเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เมื่อเขาไม่ใส่ชื่อ ซาเน่ อยู่ใน 23 นักเตะลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย และจากนั้นวันถึงวันนี้ ปีก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พัฒนาฝีเท้ามากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ครั้งที่เขาได้รับโอกาสลงสนาม

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ซึ่งได้รับการเชิดชูตลอดฤดูกาลนี้ว่าเป็นกองหลังที่แกร่งที่สุดในโลก แต่เขาต้องเจอกับความร้อนแรงของ ซาเน่ ซึ่งถูกจับมาเล่นตรงกลางมากกว่าที่เคยเล่นในช่วงที่ผ่านมา และสามารถปรับตัวได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังป่วน สตาร์แนวรับลิเวอร์พูล ตลอดทั้งเกม

    ต้องยอมรับว่าศักยาภาพของ ซาเน่ ไม่ว่าจะความรวดเร็ว และการลากเลื้อย รวมไปถึงการผสมผสานกับมันสมองในเกมลูกหนัง ทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเกินห้ามใจจริงๆ ฉะนั้นในยุคใหม่ของทัพ "อินทรีเหล็ก" แน่นอนว่าทีมชุดนี้ต้องสร้างขึ้นมาโดยมี ดาวเตะวัย 23 ปีเป็นศูนย์กลางของทีม

 

2 .นิโก้ ชูลซ์ ผลงานเยี่ยม  
    เยอรมนี มีปัญหาเรื่องผู้เล่นแบ็กซ้ายมาตลอดนับตั้งแต่ที่ ฟิลิปป์ ลาห์ม อำลาทีมชาติ พวกเขาไม่สามารถหานักเตะที่เหมาะสมคู่ควรกับตำแหน่งนี้ได้เลย ด้วยเหตุนี้ทำให้ โยกี้ เลิฟ จำเป็นต้องใช้นักเตะเซนเตอร์แบ็กมายืนตำแหน่งนี้ ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้งาน โยนาส เฮคเตอร์ และก่อนหน้านั้นก็จับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ แต่ล่าสุด เลิฟ ลองใช้ นิโก้ ชูลซ์ จากฮอฟเฟ่นไฮม์ ซึ่งเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆ

     ชูลซ์ แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่ไม่มีความเหนื่อยล้าในการวิ่งขึ้นวิ่งลงทางฝั่งซ้าย ในฐานะผู้เล่นวิงแบ็ก เขาสามารถช่วยเกมรับเหนียวแน่น แต่ก็พร้อมเติมเกมรุกแบบไม่มีหมด โดยประตูแรกที่ เยอรมนี ขึ้นนำมาจากการครอสบอลเข้ากลาง ให้ ซาเน่ ตะบันประตูไม่เหลือซาก

ยังไม่หมดแค่นั้น ดาวเตะฮอฟเฟ่นไฮม์ ยังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นตลอดทั้งเกมด้วยการขู่เกมรับของทัพ "อัศวินสีส้ม" จนปั่นป่วนไปหมด และเกมนี้ ชูลซ์ จบทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบด้วยการซัดประตูชัยให้กับทีม โดยในจังหวะนั้นเขาวิ่งหาพื้นที่ว่างอย่างชาญฉลาด และก่อนจะตะบันบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายทั้งๆ ที่ไม่ใช่เท้าข้างถนัดก็ตาม

    ฉะนั้นตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ เหมาะสมและคู่ควรสำหรับ ดาวเตะวัย 25 ปีแล้ว
 


3. เมมฟิส เดอปาย ยังคงจี๊ดจ๊าดต่อเนื่อง
    หลังจากที่ต้องผิดหวังอย่างเจ็บปวดในการเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และจากนั้นสถานการณ์หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อผลงานของเขาร้อนแรงสุดๆ กับการเล่นให้ โอลิมปิก ลียง โดย เมมฟิส เดอ ปาย เหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่กับการเล่นให้ "โอแอล"

    ส่วนผลงานกับทีมชาติฮอลแลนด์ ก็ไม่แตกต่างกัน โดยเขาเป็นหนึ่งในนักเตะเลือดดัตช์ที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงมาตลอดของทัพ "อัศวินสีส้ม" และตอนนี้ต้องบอกว่าผลงานของ เดอปาย เปรียบเสมือนฮีโร่ของทีม เนื่องจากต้องนี้ซัดไปแล้ว 10 ประตูจากการเล่น 14 แมตช์ที่ผ่านมา

สำหรับในเกมนี้เจ้าบ้านตกเป็นรองคู่อริตลอดกาล 0-2 ในครึ่งแรก แต่เมื่อกลับมาสู่ครึ่งหลังทุกอย่างกลับตาลปัตรโดยทีมโชวฟอร์มได้อย่างร้อนแรงและตัวขับเคลื่อนสำคัญในเกมรุกก็คือ เดอปาย โดยประตูตีไข่แตกมาจากการเปิดบอลสุดแม่นยำให้ มัทไธจ์ส เดอ ลิกท์ ขึ้นเทกตัวโขกบอลไปเสาสองหมดสิทธ์ที่ มานูเอล นอยเออร์ จะป้องกัน

    จากนั้น เดอปาย ก็โชว์ความคมด้วยการตะบันเต็มข้อช่วยให้ ฮอลแลนด์ ตีเสมอได้อย่างสุดยอด และหลังจากนั้น เดอปาย และพ้องเพื่อนมีโอกาสไล่กดดัน เยอรมนี อย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายสวรรค์เบี่ยงเพราะพวกเขาพลาดแค่จังหวะเดียวในช่วงนาทีสุดท้าย และต้องพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวด

 

4. โยอัคคิม เลิฟ แก้เกมพลิกวิกฤติ
    ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาดูเหมือน เลิฟ คงต้องอำลาการกุมบังเหียนทีมชาติเยอรมนี โดยเขาครองตำแหน่งนี้มานานกว่าทศวรร  และดูท่าทางแล้วทีมไม่น่าจะเติบโตไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงได้ทำหน้าที่สำคัญต่อไป พร้อมกับแนวคิดในการสร้างทัพ "อินทรีเหล็ก" ยุคคนหนุ่มขึ้นมาทดแทนบรรดาแข้งรุ่นพี่ที่ร่วงโรย

สำหรับเกมล่าสุด เลิฟ ใช้ระบบ 3-4-3 โดยมีฟอลส์ ไนน์ส แน่นอนว่าแผนการแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ แต่ก็ถือว่าใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมในครึ่งแรก เพราะแนวรับของ ฮอลแลดน์ ไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับระบบนี้ของ เลิฟ ยังไง โดยทั้ง ซาเน่ กับ แซร์จ นาบรี้ ซึ่งเล่นตำแหน่งกองหน้ากึ่งปีก จัดการปั่นป่วนแผงหลังเจ้าบ้านจนระส่ำ แถม นาบรี้ ยังโชว์ทักษะสุดยอดลากเลื้อยหนี ฟาน ไดค์ ก่อนตะบันให้ทีมหนีห่าง 2-0

    อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง คูมัน แก้เกมมาดีก่อนที่พวกเขาจะพลิกสถานการณ์ไล่ตีเสมอ 2-2 จากนั้น เลิฟ ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบด้วยการส่ง อิลคาย กุนโดกัน กับ มาร์โก รอยส์ ลงสนาม แน่นอนว่าทั้งสองคนจัดการป่วนเกมรับของ ฮอลแลนด์ ได้อีกครั้ง และในช่วงนาทีสุดท้าย รอยส์ โชว์ให้เห็นถึงสายตาเหยี่ยวส่งบอลเข้ากลางให้ ชูลซ์ ซัดประตูชัย งานนี้ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแท็กติคของ เลิฟ ในการส่งผู้เล่นสำรองลงสนามถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ

SHARE ON