ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

สะดุด 2 เกมติด : ผ่า 5 ข้อฟอร์มกระตุก ลิเวอร์พูล บุกเสมอ เวสต์แฮม

สะดุด 2 เกมติด : ผ่า 5 ข้อฟอร์มกระตุก ลิเวอร์พูล บุกเสมอ เวสต์แฮม
arrow_drop_down

"เดอะ เร้ดส์" ดูเหมือนจะมาดีเมื่อได้ประตูขึ้นนำจาก ซาดิโอ มาเน่ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถรักษาสกอร์นำได้เมื่อดันมาเสียสมาธิในจังหวะฟรีคิก โดย "ขุนค้อน" เล่นลูกสั้น และได้ประตูตีเสมอจาก มิคาอิล อันโตนิโอ จากนั้นเจ้าบ้านยังมีโอกาสร้างความหวาดเสียวหลายครั้ง ทั้งจังหวะการเล่นลูกตั้งเตะ และการสวนกลับ

ลิเวอร์พูล เกิดอาการเครื่องสะดุดต่อเนื่องหลังเกมล่าสุดทำได้เพียงบุกเสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 ทำให้ตอนนี้ "หงส์แดง" มีแต้มนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น และโอกาสที่จะร่วงจากบัลลงก์จ่าฝูงมีเยอะเมื่อ "เรือใบสีฟ้า" มีคิวปะทะ เอฟเวอร์ตัน วันพุธนี้ หากชนะพวกเขาจะแซงทันที เนื่องจากมีผลต่างประตูได้เสียเหนือกว่า

 ส่วนครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ยังคงเดินหน้าเพื่อหวังทำประตูขึ้นนำ แต่ไม่เป็นผลแถมยังเจอจังหวะสวนกลับของ เวสต์แฮม ที่ปั่นป่วนเกมรับได้ตลอด แม้ช่วงนาทีสุดท้ายของการทดเวลาบาดเจ็บ ดิว็อค โอริกี้ ได้โอกาสยิงโล่งๆ หน้าประตูแต่ดันยิงแป้กทำให้ทีมชวดได้ประตูชัยไปอย่างน่าเสียดาย


1. อันโตนิโอ ช๊อบชอบยิง ลิเวอร์พูล
    มิคาอิล อันโตนิโอ ถือเป็นนักเตะที่ถูกโฉลกกับการลงสนามดวล ลิเวอร์พูล มากๆ สำหรับแมตช์นี้ก็เป็นอีกครั้งที่นักเตะสร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับของ "หงส์แดง" ก่อนที่จะใส่ชื่อตัวเองบนสกอร์บอร์ด ในแมตช์เปิดบ้านเสมอจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอ อังกฤษ

 

สำหรับแมตช์นี้ต้องยอมรับว่า เวสต์แฮม วางแผนมาได้อย่างแยบยล โดยพวกเขาไม่ได้แค่เน้นเกมรับเท่านั้น แต่ยังพร้อมที่จะเปิดเกมบุกสวนกลับทุกจังหวะที่มีโอกาส ซึ่งเกมนี้หากมองจากโอกาสได้น้ำได้เนื้อ "เดอะ แฮมเมอร์ส" มีจังหวะเสียวหลายครั้ง

    ในส่วนของการเล่นลูกตั้งเตะ แน่นอนว่า เวสต์แฮม ติวกันมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในจังหวะฟรีคิกพวกเขาเล่นได้อย่างเนียนกริบทำให้ที่  อันโตนิโอ ได้หลุดเข้าไปส่องประตูตีเสมอ สำหรับประตูนี้กลายเป็นประตูที่ 5 จาก 7 เกมของเขาที่ยิ่งใส่ "เดอะ เร้ดส์" แถมเป็นประตูที่ 4 จาก 5 เกมพรีเมียร์ลีกที่ยิงลิเวอร์พูลด้วย

    ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทำผลงานได้ดีเยี่ยมเมื่อซัดไป 22 ประตูในการค้าแข้งให้เวสต์แฮม


2. เดอะ เร้ดส์ โหยหา โกเมซ
    ตอนนี้ดูเหมือนแนวรับของ ลิเวอร์พูล กำลังระส่ำสุดขีด โดยเฉพาะในแมตช์ที่ลอนดอน สเตดเดี้ยม ดูเหมือนพวกเขาจะมีปัญหาในการรับมือกับการเล่นลูกเซตพีซของ "ขุนค้อน" ซึ่งนั่นเป็นทีเด็ดของเจ้าบ้านในการเปิดเกมบุกใส่ผู้มาเยือนจริงๆ

 แม้ว่าทีมอาจจะมีเกมรับที่พอใช้ได้ แต่พวกเขาคาดหวังที่จะเห็น โจ โกเมซ กับ เทรน์ท อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมาประจำตำแหน่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะหากได้ทั้งสองคนนี้มาทำหน้าที่อีกครั้ง เกมรับของ "เดอะ เร้ดส์" จะเหนียวแน่นมากกว่านี้หลายเท่า

    อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนในรายของ โกเมซ พวกเขาคงต้องทำใจ เพราะมีรายงานว่านักเตะต้องเข้ารับการผ่าตัด หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูอาการเดี้ยงที่เขา และแน่นอนว่ากำหนดการในการกลับคืนสนามของเขายังไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่


3. เวสต์แฮม ขาดความเฉียบคม
    หากมองกันแบบเป็นกลาง แน่นอนว่า การได้ที่ ลิเวอร์พูล บุกมาแบ่งแต้มได้ต้องถือว่าดีมากๆ เพราะจริงๆ แล้วเกมนี้เจ้าบ้านมีโอกาสยิงประตูแบบได้น้ำได้เนื้อหลายครั้ง และหากเฉียบกว่านี้ มีความเป็นไปได้สูงว่า ลิเวอร์พูล อาจจะกลับบ้านแบบมือเปล่า

ทีมของมานูเอล เปเยกรีนี่ เล่นได้อย่างแข็งแกร่งในจังหวะการเล่นเกมบุก และสร้างโอกาสสวยๆ ได้หลายครั้ง แต่ก็อย่างที่บอกไปในย่อแหน้าแรกพวกเขาขาดความเฉียบคม และบางครั้งก็มาจากการตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาดในการเล่นบอลจังหวะสุดท้าย

    ลองคิดดูแล้วกันว่า 1 แต้มของ ลิเวอร์พูล มีค่าขนาดไหน เพราะหากเจ้าบ้านไม่ทำผิดพลาดจากหลายๆ โอกาสที่พวกเขาสร้างขึ้นเกมนี้ "หงส์แดง" จะเป็นยังไง และยิ่งนึกว่าหากจังหวะเหล่านี้เจ้าบ้านมี มาร์โก อาร์เนาโตวิช ที่ไม่ได้ลงสนามเพราะมีปัญหาบาดเจ็บ ไม่อยากคิดเลยว่าสาวก "เดอะ ค็อป" จะช็อกขนาดไหน


4. คล็อปป์ เจอปัญหานักเตะเจ็บเพียบ
    หลังจากมีข่าวว่า โกเมซ ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ขานั่นก็ถือว่าเป็นข่าวร้ายสุดๆ สำหรับแฟนบอล "หงส์แดง" แล้ว ตอนนี้พวกเขายังได้ทราบข่าวเศร้าเพิ่มอีกเพราะจอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดยัน ลอฟเรน และโดยเฉพาะ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ต้องพลาดลงเล่นเกมเยือนเวสต์แฮม เนื่องจากปัญหาบาดเจ็บ

    เกมนี้การที่ คล็อปป์ ใช้งาน 3 กองกลางอย่าง นาบี เกอิต้า, ฟาบินโญ่ และ อดัม ลัลลาน่า อาจจะดูเหมือนมีคุณภาพมากพอที่จะควบคุมเกมนี้ได้ แต่ มาร์ค โนเบิ้ล,  โรเบิร์ต สน็อดกราสส์ และ เดแคลน ไรซ์ สามารถเอาชนะพวกเขาได้ไม่ยากนัก ขณะที่ โจเอล มาติป ยังขาดความแน่นอนในการจับคู่เซนเตอร์แบ็กกับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์

 

 

สำหรับ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ต้องเล่นตำแหน่งแบ็กขวาจำเป็น มักจะโดนเป็นเป้าโจมตีจากคู่แข่งตลอด โดยทั้ง สน็อดกราสส์ และ เฟลิเป้ อันแดร์สัน มักจะโจมตีทางฝั่งขวาของทีมเยือน จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ในแมตช์กับ คริสตัล พาเลซ อดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ก็โดนโจมตีจาก วินฟรีด ซาฮา จนสุดท้ายต้องทำฟาวล์และโดนสองใบเหลืองไล่ออกไป

    สำหรับขุมกำลังของลิเวอร์พูลในเวลานี้ไม่มากพอที่จะรับมือกับอาการบาดเจ็บของ 5 แข้งคีย์แมนเฉกเช่นกรณีของการจับ มิลเนอร์ หรือ เฮนเดอร์สัน มาเล่นเป็นแบ็กขวาที่ดูกี่ครั้งก็ไม่เวิร์ก แน่นอนว่าประเด็นนี้ทำให้หลายคนยังไม่เข้าใจว่าทำไม คล็อปป์ ถึงปล่อย นาธาเนียล ไคลน์ ออกไปเล่นแบบยืมตัวเมื่อเดือนมกราคมนี้ และดันไม่มีการซื้อแนวรับเข้ามาเพิ่ม ซึ่งนี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนในการลุ้นแชมป์ในซีซั่นนี้


5. วีเออาร์ จำเป็นต้องใช้ ?
    มีการโต้เถียงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการนำ วีเออาร์ มาใช้ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่เมื่อได้เห็นจังหวะที่ ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำจากการยิงของ มาเน่ หลายคนที่ได้ชมเกมทางทีวีคงได้เห็นภาพช้าว่า เจมส์ มิลเนอร์ ยืนล้ำหน้าอย่างชัดเจนในจังหวะที่ได้บอลจาก ลัลลาน่า

                                                                      

   

SHARE ON