ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด วิเคราะห์บอลหลังเกม

ลิเวอร์พูล 2-0 วูล์ฟส์ : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม

ลิเวอร์พูล 2-0 วูล์ฟส์ : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม
arrow_drop_down

การแข่งขันศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสุดท้ายของฤดูกาล เกมนี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ต้องการชัยชนะเพื่อ 97 คะแนน และไปลุ้นผลการแข่งขันของอีกคู่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แต่ท้ายที่สุดแล้วการแข่งขันต้องการทีมเดียวที่จะขึ้นไปชูโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และเป็นไปตามคาด นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

การแข่งขัน พรีเมียร์ลีก  2018/19 นัดที่ 38
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2562 
ลิเวอร์พูล 2-0 วูล์ฟส์แฮมป์ตัน

5. สถิติหลังเกมและรูปเกมโดยรวม

สถิติหลังเกม หงส์แดง ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงประตู 13 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง   และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ ทางฝั่ง วูล์ฟส์   มีโอกาสยิงประตู 7 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ 40   เปอร์เซนต์      

รูปเกมโดยรวม หงส์แดง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดทัพมาด้วยรับบที่ดีที่สุดชุดหนึ่งขาดเพียงแค่ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนบนม้านั่งสำรองวันนี้ไม่มีแม้ชื่อของ อัลแบร์โต้ โมเรโน่ ที่ดูว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขา

ช่วงแรกของเกม ลิเวอร์พูล บุกหนักเข้าใส่เพื่อหวังประตูขึ้นนำเร็ว เพราะจะได้โยนความกดดันไปอีกเมืองอย่าง ไบร์ทตัน โอริกี ดูดีใช้ได้ใน 10 นาทีแรก ผสานงานกับ ซาลาห์ และ มาเน่ ได้อย่างลงตัว ด้วยความมั่นใจ 

ทางฝั่ง วูล์ฟส์ ที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว จบฤดูกาลด้วยอันดับ 7 แน่นอนแล้ววันนี้พวกเขาก็สู้ได้สมศักดิ์ศรี ตั้งรับกันอย่างมีวินัยและรอโอกาสสวนกลับอย่างใจเย็น

ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำจาก ซาดิโอ มาเน่ ในนาที 17 จากการเปิดเข้าไปด้านในของ เทรนต์ อาโนลต์ มาเน่ ยืนแปลโล่ง ๆ ส่งทีมขึ้นนำ 1-0 พร้อมเสียงเชียร์ที่ดังลั่นในสนามด้วย ปฏิกิรยาที่มากกกว่าทีมขึ้นนำ เพราะที่สนาม กีฬาฟัลเมอร์ ไบร์ทตัน ขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0

รูปเกมที่เหลือในครึ่งเวลาแรก วูล์ฟส์แฮมป์ตัน เริ่มเปิดแลกเล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย มีจังหวะขึ้นมาลุ้นประตูให้เห็นบ่อยขึ้นและเกือบจะได้ประตูตีเสมอ แต่ก็โดน อลิสซอน เบ็คเกอร์ ปฏิเสธ ไว้ทั้งหมด ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0 

เกมครึ่งหลัง วูล์ฟส์ มาโหด เล่นเปิดแรกแบบเต็มที่ช่วงต้นครึ่งหลัง หงส์แดง รับมือแนวรุกของ วูล์ฟส์ กันจ้าละหวั่น คงไม่ต้องสงสัยว่าแผ่วไปเพราะอะไร เพราะสกอร์อีกคู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงทิ้งห่าง ไบร์ทตัน ไปเรื่อย ๆ

ผ่านไปช่วงนาที 60 หงส์แดง เริ่มตั้งเกมได้และลืมความกังวล เริ่มจับทิศทางของ วูล์ฟส์ ได้ 

มาถึงนาที 81 ความพยายามที่จะปิดเกมเป็นผลสำเร็จ ซาดิโอ มาเน่ คนเดิม ยิงประตูที่ 2 ในเกมนี้ ส่งผลให้เขาขยับขึ้นไปรั้งอันดับดาวซัลโวร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ 22 ประตู ส่วนคนที่แอสซิตส์ ก็คนเดิมคือ เทรนต์ อาโนลด์ ส่งให้เจ้าตัวกลายเป็นกองหลังที่แอสซิตส์มากที่สุดในประวัติศสตร์สโมสรและ พรีเมียร์ฺลีก และจบเกมที่ 2-0 ลิเวอร์พูล เก็บ 97 แต้ม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

4. 97 คะแนน

การมีคะแนนมากถึง 97 คะแนน ในฤดูกาลนี้แต่ยังไม่ถึงฝั่งฝันการเป็นแชมป์ พูดตามตรงว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายแบบสุด ๆ เพราะ 97 คะแนนของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล สามารถเป็นแชมป์ได้แบบสบาย ๆ ในฤดูกาลก่อนหน้านี้เกือบทั้งหมด

ทีมของกุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ คว้าชัยชนะในลีกถึง 30 แมตช์ เสมอ 7 และแพ้ 1 เกมเท่านั้น ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้ และเป็นแชมป์สองสมัยติดต่อกันทีมแรกนับตั้งแต่ทีป 2009 เก็บชัยชนะได้ 32 เกม เสมอ 2 และแพ้ 4 แมตช์ 

เปรียบเทียบแชมป์พรีเมียร์ลีก กับ 97 คะแนนของ ลิเวอร์พูล

2018/19 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (98 คะแนน)
2017/18 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (100 คะแนน)
2016/17: เชลซี (93 คะแนน)  
2015/16: เลสเตอร์ ซิตี้ (81 คะแนน)  
2014/15: เชลซี (87 คะแนน)  
2013/14: แมนฯ ซิตี้ (86 คะแนน)   
2012/13: แมนฯ ยูไนเต็ด (89 คะแนน)
2011/12: แมนฯ ซิตี้ (89 คะแนน)  
2010/11: แมนฯ ยูไนเต็ด (80 คะแนน)  
2009/10: เชลซี (86 คะแนน)  
2008/09: แมนฯ ยูไนเต็ด (90 คะแนน)  
2007/08: แมนฯ ยูไนเต็ด (87 คะแนน)  
2006/07: แมนฯ ยูไนเต็ด (89 คะแนน)  
2005/06: เชลซี (91 คะแนน)  
2004/05: เชลซี (95 คะแนน)  
2003/04: อาร์เซน่อล (90 คะแนน)  
2002/03: แมนฯ ยูไนเต็ด (83 คะแนน)  
2001/02: อาร์เซน่อล (87 คะแนน)  
2000/01: แมนฯ ยูไนเต็ด (80 คะแนน)  
1999/00:  แมนฯ ยูไนเต็ด (90 คะแนน)  
1998/99: แมนฯ ยูไนเต็ด (79 คะแนน)  
1997/98: อาร์เซน่อล (78 คะแนน)  
1996/97: แมนฯ ยูไนเต็ด (75 คะแนน)  
1995/96: แมนฯ ยูไนเต็ด (82 คะแนน)  
1994/95: แบล็คเบิร์น (89 คะแนน)  
1993/94: แมนฯ ยูไนเต็ด (92 คะแนน)  
1992/93: แมนฯ ยูไนเต็ด (84 คะแนน)  
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3. เทรนต์ อาโนลด์ กองหลังที่ แอสซิตส์เยอะที่สุด

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล จัดการสร้างชื่อให้ตัวเองได้อีกครั้งด้วยการพังสถิติกองหลังที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในเวทีพรีเมียร์ลีก

เดิมทีแล้วดาวเตะวัย 20 ปีทำแอสซิสต์ในลีกซีซั่นนี้ไป 10 ครั้ง แต่ในเกมที่หงส์แดงเปิดบ้านทุบ วูล์ฟส์ 2-0 เขาก็ผ่านบอลให้ ซาดิโอ มาเน่ ทำประตูได้ทั้ง 2 ลูกส่งผลให้แข้งทีมชาติอังกฤษทำสถิติแซงหน้า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน เพื่อนร่วมทีมด้วยจำนวนจ่ายไปทั้งสิ้น 12 ครั้ง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. ซาลาห์, มาเน่ คว้าดาวซัลโว ร่วม

โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ สองกองหน้าตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ และ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง จาก อาร์เซน่อล คว้ารางวัล ดาวซัลโว ประจำฤดูกาล 2018-19 ไปครอง โดยทำกันไปคนละ 22 ลูกด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นนักเตะชาวแอฟริกันทั้งหมดอีกด้วย

ทั้งนี้ รางวัลดาวซัลโวร่วมในฤดูกาล 2018-19 ถือเป็นการได้รางวัลมากกว่า 2 คนเป็นหนแรก นับตั้งแต่ปี 2010-11 ที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ คาร์ลอส เตเวซ โดยทำไว้ที่ 20 ประตูเท่ากัน 

สำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์  เป็นนักเตะแอฟริกันคนแรกที่คว้ารางวัลดาวซัลโวได้สองสมัยติดต่อกัน   และนอกจากนี้ดาวซัลโวปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีนักเตะจากทวีปแอฟริกาได้รางวัลดาวซัลโวพร้อมกันสามคนในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. ปีหน้าว่ากันใหม่

วลีเด็ดของพลังกองเชียร์ เดอะ ค็อป คงหนีไม่พ้น "ปีหน้าว่ากันใหม่" ก็คงจะจริงแบบนั้น ก็ถ้าไม่บอกว่าปีหน้าว่ากันใหม่ แล้วจะให้บอกว่าอีก 2 ปีว่ากันใหม่ก็คงไม่สมเหตุสมผล

เชื่อเหลือเกินว่าปีหน้าหากขุนพลเครื่องจักรสีแดงตัวหลักยังอยู่กันครบ และมีการเสริมทัพที่ถูกจุดมองแล้วปีหน้ายังได้ลุ้นกันต่ออย่างแน่นอน

สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปีหน้าก็ขอให้รักษามาตรฐานความแข็งแกร่งแบบนี้ให้ได้แล้วมาวัดกันอีกสักตั้งในฤดูกาล 2019/20---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

SHARE ON