ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด ข่าวบอล

ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม

ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม
arrow_drop_down

ลิเวอร์พูลไม่ชนะเชลซีเลยตลอด 4 เกมหลังที่พบกันในพรีเมียร์ลีก แถมยังเคยทำแสบเมื่อ 5 ปีก่อนที่บุกมาดับความหวังการลุ้นแชมป์อีกต่างหาก เกมนี้เยอร์เก้น คล็อปป์แทบไม่ปรับอะไรยกเว้นแผงหลังอย่าง โจเอล มาติป

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่กลับมาเป็นตัวจริง ส่วนตำแหน่งอื่นเหมือนเดิมนาบี เกอิต้า กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่กำลังเล่นได้ดีเป็นหลักในแดนกลางต่อ

ด้านเชลซีปรับนักเตะหลายคนเหมือนกันโดยดัน เอแด็น อาซาร์ ยืนค้ำเป็นหน้าเป้าเลยแล้วมี คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ขนาบข้างกับ วิลเลี่ยน ส่วนแดนกลางวาง รูเบน ลอฟตัส-ชีค มาเพิ่มอีกคนเอาแรงปะทะขณะที่ เอเมอร์สัน ลงมาจับตายโม ซาลาห์

อย่างไรก็ตามเกมวันนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น รวมไปถึง แดนกลางของ หงส์แดง ที่รอบคอบและรัดกุมแบบสุด ๆ ส่งผลให้ หงส์แดง เอาชนะไปได้ 2-0 ปลดล็อกที่ค้างคาใจมานาน พร้อมกลับคืนจ่าฝูงและเหลือโปรแกรมอีกเพียง 4 นัดเท่านั้น และนี่คือ 5 ประเด็นร้อนหลังเกมการแข่งขัน

5. สถิติหลังเกมและรูปเกมโดยรวม

สถิติหลังเกม หงส์แดง ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงประตู 15 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 62 เปอร์เซนต์ ความแม่นยำในการส่งบอลอยู่ที่ 86 เปอร์เซนต์ ผ่านบอลทั้งหมด 646 ครั้ง ทางฝั่ง เชลซี มีโอกาสยิงประตูอยู่ที่ 6 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง และมีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 38 เปอร์เซนต์ ความแม่นยำในการส่งบอล 80 เปอร์เซนต์ ผ่านบอลทั้งหมด 400 ครั้ง

เกมนัดนี้มีความหมายอย่างมากกับทั้งสองทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล มีความสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี มีความสำคัญต่อพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดย ลิเวอร์พูล ลงเล่นภายใต้ความกกดันอย่างรู้กันดีว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บชัยชนะไปก่อนหน้านี้แล้ว

เกมนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดทัพที่น่าจะดีที่สุดในเวลานี้ ทางฝั่ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ เลือกส่ง โอดอย ลงเป็นตัวจริงแล้วขยับ เอเด็น อาซาร์ ไปเล่น False 9 

เกมค่อนข้างรัดกุมทั้งสองฝ่ายในช่วงแรก ๆ แต่ก็พอมีช่องให้ ลิเวอร์พูล ได้เปิดเกมรุกเข้าใส่อยู่บ้างและเกือบจะได้เฮ จากจังหวะ วอลเลย์ ของ โม ซาลาห์ โดยลูกเปิดของ ซาดิโอ มาเน่

เชลซี ดูจะเล่นตั้งรับและรอจังหวะสวนกลับ ซึ่งพวกเขาทำได้อย่างอดทน โดยมี วิลเลี่ยน, เอเด็น อาซาร์ และ โอดอย เป็นตัวสวนกลับเร็ว ซึ่งก็ทำได้ดี โดยเกือบจะได้ประตูขึ้นนำจาก วิลเลี่ยน แต่ยิงหลุดกรอบไปเอง

เอเด็น อาซาร์ ดูจะเป็นแนวรุกที่อันตรายที่สุดขอ เชลซี เพราะแนวรับ หงส์แดง เอาไม่อยู่ ปล่อยให้ อาซาร์ เล่นได้ ทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ของ เชลซี เล่นได้ไปด้วย 

เกมในช่วงครึ่งแรกดูอึดอัดไม่รู้จะออกไปทางไหนเลย ส่วน เชลซี จำเป็นต้องเปลี้ยนผู้เล่นเมื่อ รูดิเกอร์ ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ 

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เร่งจังหสะเพิ่มขึ้น และไม่นาน หงส์แดง ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ตามไปช่วย โม ซาลาห์ แล้วตวัดบอลไปเสาไกลให้ ซาดิโอ มาเน่ โขกเต็ม ๆ หัว ส่งให้ทีมขึ้นนำ 1-0

จากนั้นไม่นาน โม ซาลาห์ ทำสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อเจ้าตัวเลือกตะบันลูกยิงที่เหนือคำบรรยาย ผ่านมา เกปา เข้าประตูไปอย่างสวยงามจากระยะเกือบ ๆ 20 หลา 

เชลซี พยายาม แก้เกม โดยเปลี่ยน อิกวาอิน ลงมาซึ่งเกือบกลับสู้เกม เพราะ อิกวาอิน ลงมาดึงตัวประกบ ปล่อยให้ อาซาร์ มีพื้นที่่เล่น ซึ่งมีจังหวะจบสกอร์ถึง 2 ครั้ง แต่ยังโชคดีสำหรับ ลิเวอร์พูล ที่ไม่เสียประตู

จบเกม ลิเวอร์พูล ลบภาพฝันร้ายเมื่อ 5 ปี ก่อน ได้สำเร็จ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

4. แดนกลาง แสนสมดุล

อย่างที่บอกไป เกมนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ เลือกส่งนักเตะชุดที่น่าจะดีที่สุดลงสนาม ซึ่งช่วงแรก นาบี เกอิต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ทำได้เป็นอย่างดี การมี นาบี เกอิต้า อยู่ในสนามทำให้การสร้างสรรค์เกมของ ลิเวอร์พูล ทำได้ดี 

เกมนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ถูดันขึ้นไปเล่นเกมรุกต่อเนื่องจากนัดที่แล้ว ซึ่งมีจังหวะได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษของ เชลซี อยู่หลายหนแถมยังมีจังหวะตัดบอลและ แอสซิตส์ให้ ซาดิโอ มาเน่ ทำประตูแรกให้ทีมด้วย

ในส่วนของ ฟาบินโญ่ และ นาบี เกอิต้า ก็เป็นกำลังหนุนให้ เฮนเดอร์สัน เป็นอย่างดี โดยพวกเขาสามารถเก็บแดนกลางของ สิงห์บูล ได้อยู่หมัด เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ และ รูเบน ลอฟตัส-ชีค แทบจะหมดสิทธิ์สร้างสรรค์เกม

นาบี เกอิต้า ฟอร์มกำลังเข้าฝักแต่ช่วงหลัง ๆ ของเกมนี้หายไปจากเกม ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก 

เชื่อว่าหลังจากนี้ แดนกลาง 3 ผสาน ดังกล่าว จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในเกมที่เหลืออย่างแน่นอน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3. โม ซาลาห์ Running down the wing

ก่อนหน้านี้ฟอร์มการเล่นอาจปั่นป่วนไปบ้างเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ 2-3 เกมล่าสุดเจ้าตัวปลดล็อกยิงประตูได้ และฟอร์มการเล่นที่เต็มไปด้วยความมั่นใจดูเหมือนจะกลับมา โดยเฉพาะกับเกมนี้ ที่ความเก่งกาจของเขาทำเอาแนวรับของ สิงก์บูล หัวปั่นกันเลยทีเดียว 

ดาวเตะทีมชาติ อียิปต์ มีส่วนร่วมกับเกมรุก หงส์แดง ตลอดทั้งเกม เรียกว่าแนวรับของ เชลซี จัดระเบียบกันแทบไม่ทัน โดยเฉพาะในครึ่งหลัง เจ้าตัวมีส่วนร่วมกับทั้งสองประตู และประตูสุดมหัศจรรย์ของเขาจากจังหวะ ซาลาห์ ลากบอลจากทางริมเส้น ฝั่งขวาก่อนเลือกตัดเข้าใน และตะบันเต็มข้อ บอลพุ่งแหวกอากาศ ผ่านมือ เกปา อาร์ริซาร์บาลาก้า ผู้รักษาประตูที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก เข้าไปซุกก้นตาช่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ 

อย่างไรก็ตามล่าสุด โม ซาลาห์ ขยับขึ้นไปรั้งดาวซัลโวร่วมกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ 19 ประตู แมนเชสเตอร์ วิตี้ เหลือกเกมการแข่งขันอีก 5 เกม ส่วน หงส์แดง เหลืออีกเพียง 4 เกม หวังว่า โม ซาลาห์ จะงัดฟอร์มโหด ตะบันแฮททริคสักเกม แซงหน้า อเกวโร่ คว้าดาวซัลโวไปแบบงาม ๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. ภาพจำ (ไม่) ชัดเจน

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งเชือว่าหลาย ๆ คนก็น่าจะจำได้ดี ลิเวอร์พูล มีลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยแรก และมีคิวดวลแข้งกับ เชลซี ในแอนฟิลด์ ซึ่งก็เกิดเรื่องที่ช็อคในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก จากจังหวะ สตเว่น เจอร์ราด ลื่นล้ม และทำให้ เดม บ้าบา ฉกบอลและลากไปกว่าครึ่งสนามเข้าไปดวลเดี่ยว ๆ กับ มินโญเลต์ ก่อนซัดเข้าไปประตูไปแบบง่าย ๆ 

แต่เกมนี้ประวัติศาสตร์ไม่ซ้ำรอย อย่างไรก็ดีหากใครติตามชมเกมนี้ จะเห็นว่ามีจังหวะ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายความหวัง พลาดท่าลื่นล้มบริเวณกลางสนาม แต่ดีที่ล้มต่อหน้า อิกวาอิน ไม่ใช่ เอเด็น อาซาร์ เพราะไม่ง้น ภาพจำจะยังคงชัดเจน และตกย้ำอย่างแน่นอน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. โอเว่น ทำนายอย่างแม่น

ไมเคิล โอเวน อดีตกองหน้าตำนานหงส์ฟันธงเกมบิ๊กแมตช์สัปดาห์นี้ระหว่าง ลิเวอร์พูล vs เชลซี 

"ลิเวอร์พูล ฟอร์มแจ่มสุด ๆ ในเกม UCL กับ ปอร์โต้ ทำให้ผมแอบคิดจริง ๆ ว่าพวกเขาคงมีดีพอเอาชนะ เชลซี ได้แม้ทีมเยือนจะมีผลงานค่อนข้างดีสำหรับการบุกเยือนแอนฟิลด์ก็ตาม" เบบี้โกล์ กล่าว 

"ขณะเดียวกัน เด็ก ๆ ของ เมาริซิโอ ซาร์รี ก็ใช่ย่อย เพราะบุกไปชนะ สลาเวีย ปราก ได้ใน ยูโรปา ลีก เมื่อคืนวันอาทิตย์ แถม เอเดน อาซาร์ ยังอยู่ในช่วงที่เรียกว่าโคตรพีคอีกด้วย"

"แต่ความได้เปรียบอีกอย่างของ ลิเวอร์พูล ก็คือพวกเขาได้พักมากกว่า เชลซี ถึง 48 ชั่วโมง และยิ่งเล่นในบ้านตัวเองแบบนี้ บอกเลยว่ากำลังใจเต็มเปี่ยมและน่าจะเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะไป"

โอเวน ทำนาย : ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี 
ผลการแข่งขัน : ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

SHARE ON