ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด วิเคราะห์บอลหลังเกม

ลิเวอร์พูล 4-0 (4-3) บาร์เซโลน่า : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม

ลิเวอร์พูล 4-0 (4-3) บาร์เซโลน่า : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม
arrow_drop_down

อย่างที่ทราบกันดีว่า หงส์แดง ลงสนามมาด้วยโอกาสเข้ารอบที่บอกตรงๆ ว่าน้อยมาก บวกกับต้องรับมือกับ ยอดทีมอย่าง บาร์เซโลน่า ทั้งๆ ที่ตัวหลักอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ไม่พร้อมลงสนาม ไม่พร้อมแม้บนม้านั่งสำรอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าเกมนี้แฟนบอลเด็กตาดำ ๆ อย่างผมจะดีใจจนแอบเสียน้ำตาหน้าจอทีวี

การแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2018/19 รอบรองชนะเลิศ เลกที่ 2
คืนวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม 2562
ลิเวอร์พูล 4-0 (4-3) บาร์เซโลน่า

5. สถิติหลังเกมและรูปเกมโดยรวม

สถิติสำคัญหลังเกม เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงประตู 13 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์ ทางฝั่ง บาร์เซโลน่า   มีโอกาสยิงประตู 8 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลอยู่ที่ 58 เปอร์เซนต์     

รูปเกมโดยรวม หงส์แดง มาด้วยแรงขยันและความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม เสียงนกหวีดเป่าเริ่มเกม ลิเวอร์พูลก็ไล่เพรสอย่างหนักทีเดียว เป็นนัดที่ ลิเวอร์พูล เพิ่มความทุ่มเทและจังหวะการวิ่งไล่หนนักขึ้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำให้การเข้าบอลหนักขึ้นไปด้วย แต่ก็ส่งผลให้ บาร์ซ่า ผิดพลาดกันเองจนเสียประตูอย่างรวดเร็ว ประตูแรกนี้ถือว่าสำคัญมาก ทำให้โมเมนตัมของเกมและบรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าบาร์ซ่าไม่เสียลูกนี้เกมก็อาจจะไม่ใช่แบบนี้ก็เป็นได้ 

บาร์ซ่าต่อบอลกันอย่างยากลำบากในนัดนี้ มีเพียงคนเดียวที่สามารถเอาตัวรอดได้จากการเพรสคือ ลิโอเนล เมสซี   ซึ่งยอมรับว่ามีความอันตรายจริง ๆ

รูปเกมในครึ่งแรกถือว่า ลิเวอร์พูล เปิดหน้าแรกเลย ซึ่ง บาร์ซ่า ก็เล่นตามแผน ซึ่งไม่ได้รับมาก เพราะ บาร์ซ่า ยังเชื่อใจในการเพรสและตัดบอลของตัวเองเช่นกัน ซึ่งก็ทำได้ดีเพราะได้สวนเป็นระยะ ๆ และส่วนใหญ่จบที่การยิงตลอด แต่มันก็ได้กระตุ้นความกระตือรือร้นแก่นักเตะหงส์แดงให้มีความทุ่มเท และช่วยกันรับมากขึ้น กลายเป็นว่าลิเวอร์พูลเปิดหน้าสู้แบบนี้ดันไม่เสียประตู เพราะนักเตะหงส์วิ่งกันให้พล่านกันให้ทั่ว

ไวจ์นัลดุม เป็นอีกคนที่ถือว่าลงมาเปลี่ยนเกมให้ บาร์ซ่า ช็อตไป เป็นคนที่ครองบอลเหนียวเรียกว่าไปรุมกินโต๊ะแกไม่ได้ง่าย ๆ เพราะแกจะพยายามหนีออกมาได้แน่นอน ผมมองว่าดุมครองบอลและหนีการบีบได้เก่งกว่าเกอิต้า เพียงแต่ว่าการส่งบอลบุกอาจสู้ไม่ได้เท่านั้นเอง

โอริกี ก็เช่นเดียวกันกับ ไวนัลดุม ที่นัดนี้ซัดกันไปคนละ2 เรียกว่าแทบลืมซาล่าห์กับ ฟีร์มิโน่ ไปได้เลย จะเห็นได้ว่าการถูกยืมตัวไปเล่นที โวล์ฟบวร์ก ทำให้ โอริกิ อัพเกรดตัวเองขึ้นมา วิ่งหาช่องมากขึ้น สัญชาตญาณการเข้าทำยอดเยี่ยม แถมเอาตัวรอดเก่งอีกด้วยทั้ง ๆ ที่ดูหุ่นแล้วไม่น่าหนีการบีบได้ มีจังหวะนึงที่โดนผู้เล่น บาร์ซ่า บีบ3ก็ยังหลุดออกมาได้ ตอนนี้โอริกิกลายเป็นคนมีของซะงั้น

ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลเล่นลูกแท็คติกกับ บาร์ซ่า สุดฤทธิ์เหมือนกันโดยการลงไปนอนเล่นถ่วงเวลาบ้าง เรียกว่าต่างคนต่างเอาคืนเพราะนัดที่แล้ว บาร์ซ่า ก็ทำแบบนี้เช่นกัน 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

4. เทรนท์ อาโนลด์,โอริกีและไวจ์นัลดุม

เป็น 3 นักเตะที่มีส่วนสำคัญในเกมนี้แบบมากที่สุด เทรนท์ อาโนลด์ เล่นเหมือนคนที่มีประสบการณ์กับเกมระดับโลกมาแบบ โชคโชน ส่วน จอร์จินิโญ่ ไวจ์นัลดุม ก็เป็น ซุปเปอร์ซัพ ที่มีลีลา ซีดุมเทิร์นสวย ๆ แถมยังยิง 2 ประตูในเวลาไม่ถึง 5 นาที สำหรับ ดิว็อค โอริกี คนนอกสายตาก็สวมบทฮีโร่อีกครั้งในฤดูกาลนี้

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ 
นี่คือแบ็คขวาที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำแถมประสบการณ์บนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือเกมระดับโลกแบบนี้ยังน้อยมาก แต่เจ้าหนู เทรนท์ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขานิ่งขนาดไหน นักเตะที่ดูว่าจะโดนเผากลับทำผลงานได้ดีตลอดทั้งเกม ยิ่งไปกว่านั้นลูกเตะมุมที่เจ้าตัวใช้ไหวพริบเล่นเร็วช่วงท้ายเกม ในขณะที่ผู้เล่น บาร์ซ่า กำลังเผลอ นั่นกลายเป็นประตูชัยที่บอกเลยว่ามันสุดยอด ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้

เทรนท์ นับวันทางบอลและเบสิคยิ่งน่ากลัว ผมเคยดูนัดนึงที่ลูกนั้น เทรนท์ โดนกองหน้าบีบใส่แล้วมันยากที่จะเคลียร์ให้สวย ๆ ปรากฎว่าแกทำท่าจะง้างเตะ แล้วกองหน้าก็กระโดดจะบล็อค แต่แกล็อคหลบซะงั้น แล้วส่งให้เพื่อน เป็นคนที่เล่นบอลฉลาดมาก ๆ มีไอเดียในการโจมตี ลูกที่ 2 ที่หงส์แดงได้เป็นลูกที่ เทรนท์ อ่านทางส่งของ บาร์ซ่า ได้แล้วเหยียดขายาว ๆ ไปสกัดบอลแล้วลากไปเปิดเรียดให้ ไวจ์นัลดุม ยิง ส่วนลูกที่ 4 ก็ต้องบอกว่าโคตรไหวพริบมาก ๆ จริง ๆ ลูกที่ 4 เริ่มจาก เทรนท์ ทำท่าจะโยนแต่ไม่โยนซักทีจนบอลไปใกล้เส้นหลังก็เตะอัดกองหลัง บาร์ซ่า เอามุม ตรงนี้ก็ถือว่าฉลาดมากแล้ว แต่ลูกที่จะหลอกว่าให้ ชากิรี่ เตะมุมแล้ววิ่งกลับมาเปิดเรียดให้ โอริกี ยิงนี่ทำเอานักเตะ บาร์ซ่า เหวอทั้งทีม จริง ๆ ลูกเล่นทีเผลอแบบนี้พวกสเปนโดยเฉพาะ บาร์เซโลน่า จะถนัดมาก เพราะทำให้คู่ต่อสู้ตั้งตัวไม่ทัน แต่นัดนี้กับโดนเสียเอง 

จอร์จินิโญ่ ไวจ์นัลดุม
ถ้าใครได้ตามข่าวจะเห็นข่าวที่ ไวจ์นัลดุม ออกมาพูดว่ารู้สึกไม่พอใจที่ถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง แต่ก็อย่างว่านักเตะทุกคนในทีมมีความกระหายกันทั้งนั้น "ผมโมโหมาก ๆ ที่โค้ชดร็อปผมเป็นตัวสำรอง ผมแค่พยายามช่วยทีม ผมมีความสุข เพราะผมทำแบบนั้นจากสองประตูที่ทำได้" กองกลางทีมชาติเนเธอร์แลนด์ส กล่าวผ่าน BT Sport 

ไวจ์นัลดุม เป็นอีกคนที่ถือว่าลงมาเปลี่ยนเกมให้ บาร์ซ่า ช็อตไป เป็นคนที่ครองบอลเหนียวเรียกว่าไปรุมกินโต๊ะแกไม่ได้ง่ายๆเพราะแกจะพยายามหนีออกมาได้แน่นอน ผมมองว่า ไวจ์นัลดุม ครองบอลและหนีการบีบได้เก่งกว่า เกอิต้า เพียงแต่ว่าการส่งบอลบุกอาจสู้ไม่ได้เท่านั้นเอง 

สำหรับเกมนี้ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน เพราะเล่นแบบลื่นไหลไม่เกร็งเลยสักนิด มีจังหวะดึงบอลหนี 2 ผู้เล่น บาร์ซ่า แบบงงใจ ซีดุมเทิร์นชื่อนี้ไม่ได้มาง่าย ๆ 

ดิว็อค โอริกี
ก่อนเกมการแข่งขันแฟนบอลหลายท่านรวมถึงผมด้วย ที่บอกตามตรงว่าไม่คิดว่า ดิว็อค โอริกี จะยิงให้ ลิเวอร์พูล พลิกนรก ชนะ บาร์ซ่า ได้ ขอตบปากตัวเองหน่อยละกัน ! เพราะเกมนี้พี่แกกดไป 2 ประตู เป็นการเบิกร่องที่สวยงามและปิดท้ายด้วยประตูชัยที่ยอดเยี่ยม 

ไม่แน่นะครับการที่ คล็อปป์ ไม่ยอมเสริมกองหน้าเข้ามาสักที เป็นเพราะว่ากำลังปลุกปั้น ดาวยิงทรงผม เดดร็อค ชาว เบลเยี่ยม รายนี้อยู่นั่นเอง
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3. การแก้เกมที่ยอดเยี่ยมของ เยอร์เก้น คล็อปป์

อย่างที่ทราบกันดีครับว่า กุนซือ เฮฟวี่ เมทัล เป็นกุนซือที่แก้เกมช้า ไม่ถูกใจแฟน ๆ บ่อยครั้ง แต่เกมนี้ คล็อปป์ เลือกเปลี่ยนตัวสำรองตั้งแต่นาที 45 

ลิเวอร์พูล เริ่มครึ่งหลังด้วยการถอด แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ดูจะเป็นแรงขับเคลื่อนในกาปซ้ายทั้งหมดของ หงส์แดง ออก แล้วส่ง จอร์จินิโญ่ ไวจ์นัลดุม ลงมาแทน ขยับ เจมส์ มิลเนอร์ ลงไปเล่นแบ็คซ้าย

หลายท่านอาจจะงง ว่า เอ๊ะ โรเบิร์ตสัน เจ็บหรือป่าว จริง ๆ ก็ยังไม่มีข่าวอะไรออกมายืนยันนะครับ แต่เท่าที่ดูน่าจะเป็นในเรื่องของแท็คติกมากกว่า 

เจมส์ มิลเนอร์ ที่ต้องบอกตามตรงว่าการครองบอลไม่ค่อยเหนียวแน่นและเริ่มแผ่ว ถูกขยับลงไปเล่นแบ็คซ้ายเพื่อเกมรับที่แน่นกว่า ร็อบโบ้ คล็อปป์เลือกปิดประตูบุกทางฝั่งซ้าย เพราะเห็นว่าไม่สำคัญเท่าแดนกลาง ที่ครองบอลแน่น 

ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ถือว่าเอาอยู่แล้วในแดนกลาง การมี ไวจ์นัลดุม ลงมาอีกคนช่วยสร้างสรรค์เกมรุกให้ดูวูบวาบเป็นอะไรที่สมควรอย่างยิ่ง 

เหนือสิ่งอื่นใด ไวจ์นัลดุม ลงมาโว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเหมาสองประตู แถมสถิติหลังเกมยังดีมาก ๆ อีกด้วย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. ที่นี่ แอนฟิลด์

รู้หรือไม่ว่า ลิเวอร์พูล ไม่เคยเอาชนะทีมใหญ่ได้เลยหากบุกไปเยือนใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

แพ้ นาโปลี, แพ้ เปแอสเช และแพ้ บาร์เซโลน่า บุกไปชนะแค่ บาเยิร์น แค่ทีมเดียว 

รู้หรือไม่ว่าเกมใหญ่ที่บุกไปแพ้เนี่ย เกมที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ก็เก็บเรียบทั้งหมด

นัดนี้เป็นนัดปาฏิหารย์อีกนัดของ ลิเวอร์พูล ที่สามารถพลิกนรกเอาชนะได้อย่างสุดยอด 

จริง ๆ ไม่ควรเกิดกับ บาร์เซโลน่า อีกครั้ง เพราะ บาร์ซ่า เคยเจอแบบนี้ตอนที่ตกรอบด้วยฝีมือ โรม่า มาแล้ว ซึ่งก็น่าจะเป็นบทเรียนราคาแพง จบนัดนี้ บาร์เซโลน่า คงได้รับบทเรียนว่า พวกเขายิง ลิเวอร์พูล เท่าไหร่ ลิเวอร์พูล ก็ยิงคืนเท่านั้น และจะเป็นประสบการณ์ของ บาร์เซโลน่ าว่าอย่าเปิดเกมบุกกับ ลิเวอร์พูล เพราะลิเวอร์พูล ก็มีเกมบุกที่น่ากลัวเช่นกัน เหมือนดังที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของเป๊ป โดนแบบเละเทะเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และไม่กล้าเปิดเกมแลกกับ ลิเวอร์พูล อีกเลย และนัดนี้ก็ยังเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่า แอนฟิลด์เป็นนรกของทีมเยือนจริงๆเช่นเดียวกับคัมป์นู ฤดูกาลหน้าหากบาร์เซโลน่าต้องมาเจอกับลิเวอร์พูลอีกครั้งคงไม่กล้าเล่นแบบฤดูกาลนี้แน่นอน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. ด้วยสปิริตอันยอดเยี่ยม

คงต้องบอกว่านี่คือการปลุกใจที่ยอดเยี่ยมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เพราะเกมนี้เหล่าบรรดาแข้ง หงส์แดง ทำงานกันแบบไม่มีหมด วิ่งสู้ฟัดตลอดทั้งเกม แม้ความหวังจะน้อยนิด แต่นี่คือกีฬาฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ และพวกเขาทำได้อย่างที่เห็น

อย่างที่รู้กันดีว่า บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปนแน่นอนแล้ว ทำให้นัดล่าสุดพวกเขาเลือกเก็บนักเตะตัวหลักไว้บนม้านั่งสำรองเพื่อความสมบูรณ์ 100 เปอร์เซนต์ของร่างกายในเกมที่ แอนฟิลด์ เพียงเพื่ออย่างน้อย ๆ 1 ประตูในการเข้ารอบชิงชนะเลิศ

ทางฝั่ง หงส์แดง ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังต้องลุ้นหนักบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมกับ นิวคาสเซิ่ล ที่ถึงแม้จะไม่มีลุ้นอะไรแล้ว ราฟาเอล เบนิเตซ บอสเก่าก็ไม่ออมมือให้เลย ทำให้ คล็อปป์ ต้องใช้งานชุดที่ดีครบ 90 นาที แถมยังเสีย โม ซาลาห์ ไปกับอาการบาดเจ็บอีกด้วยทำให้ชวดลงสนามเจอกับ บาร์เซโลน่า

เบอร์หนึ่งของ สเปน ที่เตรียมพร้อมมาดีมาก ๆ พวกเขาแพ้อย่างหมดทางสู้ในถิ่นแอนฟิลด์ ปัจจัยหลัก ๆ ที่เห็นเด่นชัดคือแพ้ความกระหายของแข้ง หงส์แดง ทั้ง 11 ตัวจริง ที่มุ่งมั่นแบบเกินร้อย 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

SHARE ON