ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด วิเคราะห์บอลหลังเกม

ลิเวอร์พูล 2-0 ปอร์โต้ : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม

ลิเวอร์พูล 2-0 ปอร์โต้ : 5 ประเด็นร้อนหลังเกม
arrow_drop_down

หากเกมเยือนแดนฝอยทองยิงได้ด้วยโอกาสก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกแต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะปอร์โต้เล่นในบ้านดุเหลือเกิน

ลิเวอร์พูล ยิ้มร่าก้าวขาไปรอบตัดเชือกแล้วหนึ่งก้าวจากผลสกอร์ที่ได้เปรียบเยอะ 2-0

5. สถิติหลังเกมและรูปเกมโดยรวม

   เกมนี้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงประตู 15 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง มีการครองบอลอยู่ที่ 65 เปอร์เซนต์ และความแม่นยำในการจ่ายบอล 83 เปอร์เซนต์ ทางฝั่ง ปอร์โต้ มีโอกาสยิงประตู 8 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ครั้ง มีเปอร์เซนต์การครองบอลอยู่ที่ 35 เปอร์เซนต์ และความแม่นยำในการส่งบอลอยู่ที่ 67 เปอร์เซนต์

   เกมนี้ ปอร์โต้ พยายามเพรสเร็วตั้งแต่เริ่มเกมทันที แต่ก็พลาดเสียประตูจนได้จากการประสานงาน ของ นาบี เกอิต้า ได้บอลโล่ง ๆ ก่อนซัดเข้าประตูแบบสบาย ๆ

   หลังจาก ลิเวอร์พูล ได้ประตูขึ้นนำแน่นอนว่ารูปเกมของ หงส์แดง ดูดีกว่าอย่างชัดเจน มีจังหวะเข้าทำเพิ่มมากขึ้น แต่ความละเอียดไม่ค่อยมีเรียกง่าย ๆ ว่า ไม่เน้นนั่นเอง

   ช่วงครึ่งหลัง ปอร์โต้ เล่นรัดกุมพอสมควร พวกเขาไม่อยากเสียมากกว่าได้ ส่วน หงส์แดง เกมรุกก็น้อยลง และดูเหมือนจะพอใจกับสกอร์ 2-0 ที่ได้อยู่

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

4. โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ Show

   เกมนี้โดดเด่นใช้ได้เลย แนวรุกชาวบราซิลมีส่วนร่วมในการทำประตูด้วยผลงาน 1 ประตูกับ 1 แอสซิตส์ ปั่นป่วนแนวรับของ ปอร์โต้ เล่นเอาหัวหมุนเลยทีเดียว 

   จังหวะที่ได้ประตูแรก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน ได้รับบอลจาก ซาดิโอ มาเน ก่อนจะรอจังหวะเพื่อผ่านบอลให้ เกอิต้า ที่จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

   ขณะที่จังหวะได้ประตูที่สอง เริ่มจากการที่ ฟีร์มีโน ส่งบอลให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จากนั้นก็ทิ่มบอลทะลุช่องให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ปาดบอลเลียดเข้ามาที่หน้าประตู และเป็น หัวหอกชาวบราซิเลียน ที่ทำหน้าที่ยื่นเท้าเข้าไปแตะบอลให้เข้าประตูเท่านั้น

   ประตูที่สองในเกมนี้กลายเป็นประตูที่ 65 จากการลงเล่นให้ หงส์แดง 164 แมตช์ และนับตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมามีเพียงแค่ คริสเตียโน โรนัลโด้ เท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำนวนประตูของสโมสร มากกว่า ฟีร์มีโน ในการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก โดย บ็อบบี้ มีส่วนกับประตู 21 ครั้ง (13 ประตูกับ 8 แอสซิ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3. นาบี เกอิต้า มาทันเวลาพอดี

   อดีตดาวเตะของ แอร์เบ ไลป์ซิก ต้องเจอกับประสบการณ์ที่แสนยากลำบากในการเค้นฟอร์มเก่ง และการเล่นให้คงเส้นคงวาเหมือนสมัยที่อยู่กับ ไลบ์ซิก แต่อยู่ดี ๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกอิต้า กลับมาเรียกฟอร์มสุดยอดได้อย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อซัด 2 ประตูจากสองเกมติดต่อกัน

สถิติหลังเกมของ นาบี เกอิต้า

1 ประตู

โอกาสยิงประตู 2 ครั้ง

ส่งบอลสำเร็จ 86 เปอร์เซนต์

เลี้ยงผ่านสำเร็จ 3 ครั้ง

เอาชนะลูกกลางอากาศ 1 ครั้ง

แท็คเกิ้ลสำเร็จ 8 ครั้ง สูงที่สุดในเกม สูงกว่ากองหลังของ ปอร์โต้ อย่าง มิลิเตา ที่ทำได้ 6 ครั้ง

ผลงานของเขาถือเป็นจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็มแผงกองกลางของทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2. แบ็คซ้ายอาชีพ

   เกมดังกล่าว แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ติดโทษแบนหมดสิทธิ์ลงสนาม เยอร์เก้น คล็อปป์ จึงจัดการส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็คซ้ายซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ตำแหน่งที่ มิลเนอร์ ถนัดมากนัก 

   จากสถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่า โมเรโน่ คงรู้ว่าอนาคตของเขาคงไม่มีอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหาก โจ โกเมซ หายเจ็บและกลับมาฟิตสมบูรณ์ทางเลือกในตำแหน่งแนวรับยิ่งแน่นเอียด และงานนี้สิ่งที่ ดาวเตะเลือดกระทิงดุ ควรทำก็คือเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า และอำลาถิ่นแอนฟิลด์

   มาถึงขนาดนี้แล้วตลาดนักเตะที่จะมาถึงตำแหน่งแบ็คซ้ายของ หงส์แดง น่าจะมีแบ็คซ้ายรายใหม่เข้ามาร่วมทีมบ้าง ส่วนดาวรุ่งในทีมตอนนี้น่าจะเนื้อเต้นรอเวลาสอดขึ้นมาแจ้งเกิด

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ถูกที่ถูกใจ ถูกไปหมด

   มิดฟิลด์วัย 28 ปี ฉายมิติใหม่ออกมาเพราะงานเดิมเขายืนเป็นตัวสกรีนหน้าแผงแบ็กโฟร์ บทบาทคือช่วยดักบอล, ป้องกันเกมรับ และเล่นอย่างมีวินัยมากสุด 

   กระทั่งการมาถึงของ ฟาบินโญ่ แล้วสามารถปรับตัวได้ทำให้ ผจก.ทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ มอบตำแหน่งหมายเลข 6 แก่แข้งบราซิเลียน แล้วจึงโมดิฟายด์ เฮนเดอร์สัน กับบทบาทใหม่คือเน้นเกมรุกมากขึ้น ได้แสดงทักษะการเลี้ยงบอล, สอดพังตาข่าย หรือจ่ายบอลสวยๆ 

   อย่างแมตช์ที่แอนฟิลด์วานนี้ เฮนโด้ โชว์ลวดลายหลายหน, เลี้ยงบอลกินตัว, สร้างจังหวะให้เกิดลูก 2-0 เมื่อแทงทะลุช่องแนวรับจน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลุดถึงสุดเส้นหลังแล้วครอสเข้าปากประตูแก่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แท็ปอิน 

   หรือจะเป็นลูกชิพแบบน้ำหนักเท่าชั่งทองให้ ซาดิโอ มาเน่ โหม่งตุงตาข่ายครึ่งหลัง ทว่าโดนจับล้ำหน้าไปเสียก่อน

   เฮนเดอร์สัน เมื่อครั้งเล่นกับ ซันเดอร์แลนด์ ยืนตำแหน่งปีกขวาในระบบ 4-4-2 ครั้นมาเล่นกับ ลิเวอร์พูล ในยุค ผจก.ทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็เน้นรุกทีเดียว แต่มาถูก คล็อปป์ จำกัดบทบาทลงให้เสียสละมากขึ้น จนตลอดสามปีหลังมีโควตายิงซีซั่นละลูก

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

SHARE ON