ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

ราชันยับเยิน..! เรอัล มาดริดโดนปารีสยับ 0-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ราชันยับเยิน..! เรอัล มาดริดโดนปารีสยับ 0-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
arrow_drop_down

"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยังคงต้องปรับกระบวนยุทธ์กันยกใหญ่เมื่อพวกเขาออกไปเยือน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พร้อมกับปราชัยแบบยับเยินด้วยสกอร์ 0-3

ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ เมื่อวันพุธที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา

    แมตช์นี้เจ้าบ้านดูเหมือนจะเสียเปรียบนิดหน่อยตรงที่พวกเขาขาด 3 ประสานมหาโหดทั้ง เนย์มาร์, เอดินสัน คาวานี่ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แต่กลายเป็นว่าการขาด 3 สตาร์ดังไปไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักเพราะขุมกำลังที่ลงมาทดแทนสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น

    ขณะเดียวกัน เอแด็น อาซาร์ สตาร์ประจำทัพ "ราชันชุดขาว" กลายเป็นว่าโชว์ฟอร์มไม่ออก และงานนี้ทำให้บรรดาแฟนบอลของพวกเขายังคงผิดหวังกับผลงานของจอมทัพทีมชาติเบลเยียม เพราะตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมช่วงซัมเมอร์นักเตะยังไม่สามารถผลิตผลงานดีมีคุณภาพเหมือนตอนที่เล่นให้กับ เชลซี ได้เลย

 

 


1. ดิ มาเรีย ตัวแสบทีมเก่า 
    เนย์มาร์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้, เอดินสัน คาวานี่, ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ นี่คือรายชื่อแนวรุกพรสวรรค์ที่กุนซือโธมัส ทูเคิ่ล ไม่สามารถใช้งานได้ แต่การที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไม่มีผู้เล่นสำคัญเหล่านี้ช่วยทีมจะส่งผลต่อโปรแกรรมสำคัญปะทะ เรอัล มาดริด หรือไม่ ? บอกเลยว่าไม่มีปัญหา

    ทูเคิ่ล ยังมีขุมกำลังชั้นดีหลายคนที่พร้อมลงเล่น โดยเฉพาะ อังเคล ดิ มาเรีย ซึ่งเป็นอดีตดาวเตะ "ราชันชุดขาว" โชว์ให้แฟนบอลเรอัล มาดริด ได้เห็นแล้วว่าพวกเขาต้องเสียใจที่ปล่อยเขาออกมาจากถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว เพราะแมตช์นี้ ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ โชว์ของเด็ดสะระตี่เหลือเกิน



    ปีกร่างผอมเกร็งซึ่งเคยเล่นมากกว่า 500 แมตช์ให้กับ "โลส บลังโกส", แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เปแอสเช และทีมชาติอาร์เจนตินา ย้ายออกจากซานติอาโก้ เบร์นาเบวเมื่อปี 2010 ต้องเจอกับความยากลำบากในการเล่นให้ "เปแอสเช" ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าศักยภาพของเขาเป็นสิ่งที่ ปารีสฯ ต้องการในยามที่ขาดซูเปอร์สตาร์ประจำทีม

    สำหรับสองประตูที่ ดิ มาเรีย ทำได้ในเกมนี้ต้องบอกว่ามาจากความคมของเจ้าตัวอย่างแท้จริง โดยลูกแรก ดาวเตะอาร์เจนไตน์ แสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาที่ว่องไวในการตะหวัดเท้าเตะบอลเบียดเสาใกล้เข้าไปตุงตาข่าย ส่วนอีกประตูมาจากการยิงไกล 20 หลา นอกจากนี้เจ้าตัวยังใช้ความเร็วในการวิ่งขึ้นลงช่วยเติมเกมรุก และรับให้ทีมตลอดทั้งแมตช์ 

    สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับ ดิ มาเรีย ในเกมนี้ก็คือ เขาไม่สามารถทำแฮตทริกใส่ต้นสังกัดเก่าได้ โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสทางแต่ดันชิพบอลข้ามคาน

 


2. อาซาร์ ฟอร์มน่าผิดหวัง
    ต้องยอมรับว่าทั้งสองทีมมีปัญหานักเตะบาดเจ็บหลายคน ทำให้จำเป็นต้องส่งผู้เล่นใหม่ลงสนาม โดยนี่เป็นโอกาสดีมากๆ สำหรับ เกย์ลอร์ นาวาส, ปาโบล ซาราเบีย และ เมาโร อีการ์ดี้ ที่ได้ลงเล่นตัวจริงให้กับ "เปแอสเช" ขณะที่ผู้มาเยือนใช้งาน เอแดร์ มิลิเตา, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ และ เอแด็น อาซาร์ 

    สำหรับนักเตะเหล่านี้แน่นอนว่า อาซาร์ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเขาเป็นนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์หลังจากตัดสินใจโบกมือลา "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ช่วงซัมเมอร์นี้ แน่นอนว่าสาวก "ราชันชุดขาว" เชื่อมั่นใจพวกเขาได้นักเตะเวิลด์คลาสในการสร้างกาลาติกอสยุคใหม่



    ในเกมนี้ จอมทัพทีมชาติเบลเยียม แสดงพรสวรรค์ออกมาให้เห็นเมื่อเกือบจะตีเสมอให้กับทีม หลังจากเจ้าตัวได้บอลและตะบันด้วยเท้าขวาบริเวณใกล้ๆ กรอบเขตโทษแต่น่าเสียดายที่บอลถากเสาออกไปนิดเดียว อย่างไรก็ตามผลงานโดยรวมตลอด 70 นาทีที่ลงเล่นถือว่าไม่ค่อยเด็ดดวงมากนัก ฉะนั้นอาจเป็นไปได้ที่ อาซาร์ ยังคงมีปัญหาเรื่องสภาพความฟิต เพราะหลังจากที่ย้ายมาอยู่กับทีม เจ้าตัวต้องใช้เวลาในการพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บต้นขาเกือบเดือน

    สำหรับในครึ่งหลัง อดีตเพลย์เมกเกอร์เชลซี ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน สุดท้าย ซีดาน ต้องตัดสินใจเปลี่ยนตัวออกโดยส่ง ลูกัส บาสเกซ ลงมาเล่นแทน แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ เรอัล มาดริด เร่งเกมอะไรได้เลย สุดท้ายก็ต้องกลับบ้านพร้อมสกอร์แพ้ยับ    

 


3. ซีดานเจอปัญหาใหญ่
    สำหรับขุมกำลังของ เรอัล มาดริด แน่นอนว่าเรื่องฟอร์มการเล่นส่วนตัวไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ที่น่ากังวลใจที่สุดก็คือฟอร์มการเล่นเป็นทีมของ เรอัล มาดริด ซึ่งต้องบอกว่าโชคดีมากๆ ที่พวกเขาแพ้สกอร์ 0-3 เพราะหากมองจากโอกาสที่ "เปแอสเช" บุกเข้าใส่ ถ้าเจ้าบ้านมีความเฉียบคมมากกว่านี้ สกอร์คงน่าสยดสยองเลยทีเดียว

    หากมองจากรายชื่อ 11 ตัวจริงของ "ราชันชุดขาว" แน่นอนว่าคุณภาพพรสวรรค์ของนักเตะสามารถขู่เกมรับ แซงต์-แชร์กแมง ได้สบายๆ แต่กลายเป็นว่าแนวรุกของพวกเขาไม่สามารถสร้างปัญหาเกมรับของ แชมป์ลีก เอิง ฝรั่งเศส ฤดูกาลล่าสุดได้เลย



    ขณะที่แนวรับของ "ราชันชุดขาว" ก็ยังคงน่าเป็นห่วงเหลือเกิน โดยเฉพาะทางฝั่งขวาเพราะ ดานี่ การ์บาฆาล ไม่สามารถรับมือกับ ดิ มาเรีย และผู้เล่นเจ้าบ้านได้เลย ด้วยเหตุนี้ทำให้ "เปแอสเช" เลือกเจาะทางฝั่งนี้ และแน่นอนว่าทุกครั้งที่บุกเข้ามาทีมมีลุ้นทำประตูตลอด

    ฉะนั้นนี่คือปัญหาที่ ซีดาน ต้องรีบแก้ไขเป็นการด่วน โดยเฉพาะในเกมต่อไปที่ต้องพบกับ เซบีย่า ในวันอาทิตย์นี้ หาก "ราชันชุดขาว" ยังมีเกมรุกที่ขาดการสร้างสรรค์เกม แถมแนวรับยังอ่อนยวบแบบนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าจะเจอทีเด็ดของจ่าฝูงลีก จนมึนตึ้บอีกเกมหรือเปล่า ??

 


4. ขาด 3 ประสานไม่ขาดใจ
    แมตช์นี้ เนย์มาร์ ยังติดโทษแบน ส่วน คาวานี่ กับ เอ็มบัปเป้ มีปัญหาบาดเจ็บ แต่การขาดทั้งสามคนไม่ส่งผลกระทบต่อเกมรุกของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เลย โดยงานนี้ต้องยกเครดิตให้กับ โธมัส ทูเทิ่ล นายใหญ่ชาวเยอรมัน ที่วางหมากได้อย่างลงตัว

    ก่อนเกมแฟนบอลเจ้าบ้านอาจจะวิตกที่ขาด 3 สตาร์สำคัญไป แต่ ทูเคิ่ล สามารถใช้ประโยชน์จากขุมกำลังที่มีอยู่ด้วยการส่ง ดิ มาเรีย, อีการ์ดี้ และ ซาราเบีย ลงไปป่วนเกมรับทีมเยือน โดยงานนี้ได้ผลสุดๆ เพราะ "ราชันชุดขาว" ไม่สามารถปรับกระบวนยุทธ์ได้เลย



    นอกจากสามประสานแล้วคนที่ต้องได้รับเครดิตไม่แพ้กันก็คือ ฆวน เบร์นาต ที่โชว์ของจริงๆ เมื่อสวมบทคนใจกว้างจัด 2 แอสซิสต์ในเกมนี้ ต้องยอมรับว่า เรอัล มาดริด ไม่สามารถรับมือกับนักเตะรายได้เลย สุดท้ายก็โดนลงโทษอย่างที่เห็น

 


5. วีเออาร์ตงฉิน !!
    เกมระหว่าง นาโปลี กับ ลิเวอร์พูล มีประเด็นดราม่าจากจังหวะจุดโทษที่ "อัซซูร่า" ได้ในช่วงครึ่งหลัง เมื่อแฟนบอล "หงส์แดง" ตั้งข้อสงสัยว่าทำไม เฟลิกซ์ ไบรช์ กรรมการชาวเยอรมัน ถึงไม่ใช้ "วีเออาร์" เพื่อพิจารณาว่าจังหวะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ปะทะกับ โฆเซ่ กาเยฆ่อน  ควรเป็นลูกฟาวล์หรือไม่ ซึ่งกรณีนี้มีการเปิดเผยแล้วว่า ทีมงาน วีเออาร์ มองว่าท่านเปาไม่ได้ตัดสินผิดพลาด ก็เลยไม่ต้องมีการดำเนินมาตรการอะไรเพิ่มเติม    

    สำหรับในแมตช์ระหว่าง "เปแอสเช" กับ เรอัล มาดริด นั้น "วีเออาร์" ก็มีส่วนต่อผลการแข่งขันเช่นกัน โดยจังหวะสำคัญเกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ 35 มาจากการยิงประตูสุดเหลือชั้นของ แกเร็ธ เบล แต่น่าเสียดายที่ภาพช้าแสดงให้เห็นว่าบอลไปโดนมือ ดาวเตะเลือดเวลส์ ทำให้ไม่ได้ประตูอย่างน่าเสียดาย



    ต้องยอมรับว่าหากไม่มีเทคโนโลยีนี้แน่นอนว่าผลการแข่งขันอาจจะเปลี่ยนไปจากนี้ ฉะนั้นในตอนนี้เกมลูกหนังมีความยุติธรรมมากกว่า แต่ขณะเดียวกันก็ขาดเสน่ห์ไปหน่อย 

SHARE ON