ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด สกู๊ปบอล

ฟุตบอลบางครั้งเรื่องโชคดวงก็มีส่วนอยู่บ้าง อย่างในแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล เฉือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หากเทพีแห่งโชคไม่ได้แวะเวียนมาสิงสถิตย์อยู่ที่สนามเหย้า "หงส์แดง" งานนี้มีหวังการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 29 ปี อาจจะริบหรี่

ผ่า 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล เก่งบวกเฮงเฉือน สเปอร์ส
arrow_drop_down

ผ่า 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล เก่งบวกเฮงเฉือน สเปอร์ส

ฟุตบอลบางครั้งเรื่องโชคดวงก็มีส่วนอยู่บ้าง อย่างในแมตช์ที่ ลิเวอร์พูล เฉือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หากเทพีแห่งโชคไม่ได้แวะเวียนมาสิงสถิตย์อยู่ที่สนามเหย้า "หงส์แดง" งานนี้มีหวังการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 29 ปี อาจจะริบหรี่

สำหรับเกมนี้สองฟูลแบ็กของ ลิเวอร์พูล ยังคงทำงานได้ดีเยี่ยม ขณะที่แดนกลางดูเหมือน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยังเล่นได้ไม่ค่อยถูกใจสาวก "เดอะ ค็อป" มากนักโดยเฉพาะในจังหวะที่โดนยิงประตู นอกจากจะทำฟาวล์ แฮร์รี่ เคน แล้ว ยังมัวแต่บ่นไม่ยอมบังบอล ทำให้ เคน มีจังหวะเล่นเร็ว และนำไปสู่การโดนยิงตีเสมอ

    ขณะเดียวกันในเรื่องเกมรุก "เดอะ เร้ดส์" ยังคงมีปัญหาในเรื่องนี้แม้จะได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่หลังจากนั้นพวกเขามีโอกาสเล่นสวนกลับ แต่ดันไม่สามารถเพิ่มสกอร์ได้ ขณะเดียวกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูเหมือนจะโดนพุ่งเป้าโจมตีจากการเล่นที่เห็นแก่ตัวซะด้วย

    อย่างไรก็ตาม คำว่าโชคมักจะมีส่วนสำคัญเพราะประตูชัยของ ลิเวอร์พูล ได้มาจากความเก่งบวกเฮง และกลายเป็น โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์  ที่มอบ 3 คะแนนสำคัญให้เป็นของขวัญเจ้าบ้านอย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

 


1. การลุ้นแชมป์ยังสนุกสูสี
    แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งแบบเป็นทางการ และเฉพาะกิจ ต่างยิ้มระรื่นชื่นมื่นหัวใจเมื่อเห็นนาฬิกาบอกเวลาเกมที่สนามแอนฟิลด์อยู่ที่นาทีที่ 90 พร้อมกับตัวเลข 1-1 บนสกอร์บอร์ด เพราะนั่นหมายความว่าโอกาสในการลุ้นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ค่อยๆ ริบหรี่ลงทันที

ผลเสมอจะทำให้ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ มี 77 คะแนนเท่ากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูง แต่พวกเขาแข่งมากกว่า 1 นัด อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเทพีแห่งโชคที่วันนี้แวะมาอยู่ที่สนามแอนฟิลด์ เพราะในนาทีที่ 90+1 อูโก้ โยริส ปัดไปชน โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ กลิ้งเข้าประตูตัวเอง ทำให้ "เดอะ เร้ดส์" คว้า 3 คะแนน พลิกแซงขึ้นนำจ่าฝูงด้วยคะแนน 79 แต้ม

    สำหรับตอนนี้จนกระทั่งจบฤดูกาลทุกๆ คะแนนมีความสำคัญมากๆ สำหรับ "หงส์แดง" และ "เรือใบสีฟ้า" โดยพวกเขาหากสะดุดแม้แต่เกมเดียว ฉะนั้นช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้ คล็อปป์ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องกระตุ้นลูกทีมให้มีสมาธิกับงานของตัวเองเท่านั้น หากใจวอกแวกมีหวังพลาดเอาได้ง่ายๆ


2. ซาลาห์ ฝืดแต่ยังสำคัญ
    "คิง ออฟ อียิปต์" ช่วงนี้โดนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เนื่อจากสนิทเกาะหน้าแข้งหลายนัดเพราะยิงประตูไม่ได้มานานแล้ว โดยในเกมกับ สเปอร์ส เจ้าตัวก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายให้ได้ แต่จบลงด้วยความผิดหวังเหมือนเดิม

    ยิ่งไปกว่านั้นในจังหวะสำคัญหลายครั้ง โม ซาลาห์ มักจะยิงนกตกปลาไปอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทีมมีโอกาสยิงประตูหนีห่างคู่แข่ง ดาวเตทีมชาติอียิปต์มักจะทิ้งโอกาสแบบนั้นไปอย่างน่าเสียดาย เพราะความไม่นิ่ง หรืออาจจะเป็นช่วงขาดความมั่นใจ

สำหรับในเกมรับมือ "ไก่เดือยทอง" ซาลาห์ สามารถสร้างผลงานได้หวือหวาในครึ่งแรก ป่วนเกมรับ สเปอร์ส ได้ตลอด แต่ก็ไม่สามารถเจาะตาข่ายทีมเยือนได้อยู่ใน ขณะที่ครึ่งหลังเจ้าตัวตัดสินใจผิดพลาดมหันต์ที่เลี้ยงหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และแทนที่จะส่งให้ ซาดิโอ มาเน่ ที่ยืนอยู่ในจังหวะได้เปรียบ แต่ดันยิงเองและก็ไม่เข้า งานนี้ก็เลยโดนสาวก "เดอะ ค็อป" ตราหน้าเป็นคนเห็นแก่ตัวซะเลย

    อย่างไรก็ตาม แม้ฝีเกือกจะฝืนแต่เรื่องโชคลาภวาสนายังมีเพราะประตูชัยที่ "หงส์แดง" ได้ช่วงทดเวลาบาดเจ็บมาจากจังหวะที่ ซาลาห์ โหม่งเข้ากลาง และก็ดวงเฮงที่ อูโก้ โยริส ปัดไปชน โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ กลิ้งเข้าประตูตัวเอง แม้จะไม่มีชื่อทำสกอร์ แต่การช่วยทีมคว้า 3 คะแนน น่าจะทำให้เขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
 

3. สองฟูแบ็ก "หงส์แดง" ป่วน สเปอร์ส  
    ต้องบอกว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีส่วนสำคัญมากๆ สำหรับชัยชนะในช่วงหลายๆ เกมของ ลิเวอร์พูล เพราะการเติมเกมทางกราบทั้งสองฝั่ง มีส่วนทำให้ทีมได้ประตูสำคัญหลายครั้ง โดยเห็นได้ชัดในแมตช์หักคอ "ไก่เดือยทอง"

    โรเบิร์ตสัน และ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบในการไล่บดขยี้ทางกราบทั้งสองฝั่ง และสร้างปัญหาให้กับแนวรับของ สเปอร์ส ตลอด อย่างในจังหวะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ โหม่งประตูขึ้นนำ ก็ได้การเปิดบอลอย่างแม่นยำของ กัปตันทีมชาติสกอตแลนด์

ขณะที่ "เจ้าหนูเทรนต์" มีส่วนในการเติมเกมรุกทางฝั่งขวาตลอด และบางจังหวะก็ขึ้นมาลุ้นทำประตู โดยเฉพาะจังหวะที่จัดเต็มข้อบริเวณกรอบเขตโทษ แต่โดน อูโก้ โยริส นายทวารจอมเก๋าชาวฝรั่งเศสเหินฟ้าบินปัดบอลโดนปลายมือข้ามคานไปแบบเฉียวฉิว    
    
    อย่างไรก็ตาม แบ็กขวาดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ มีส่วนสำคัญในจังหวะที่ "หงส์แดง" ได้ประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อเป็นคนเปิดบอลข้ามไปให้ ซาลาห์ ที่วิ่งเข้ามาโหม่งเข้ากลาง และดีเฮงที่ โยริส ปัดบอลไปโดน อัลเดอร์ไวเรลด์ กลิ้งเข้าประตูตัวเอง...งานนี้ก็คว้า 3 แต้มกันไป


4. อลีสซง มีอาการประหม่า
    อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูชาวบราซิเลียน ที่ได้ชื่อว่ามีความนิ่งมากๆ และช่วยทีมป้องกันจังหวะสำคัญๆ หลายครั้งในช่วงต้นเกม แต่ดูเหมือนช่วงท้ายฤดูกาล นายด่านหน้าละม้ายคล้ายเทพธอร์ ชักออกอาการประหม่า และทำให้ทีมต้องเสียประตู

    ก่อนหน้านี้ในเกมกับ ฟูแล่ม อลีสซง ไม่ยอมเคลียร์บอลจากจังหวะที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คืนหลัง ทำให้โดนฉกบอลไปยิงประตู แต่เดชะบุญที่สุดท้ายแล้วทีมได้ประตูชัยช่วงท้ายเกม ทำให้หลายๆ คนลืมความผิดพลาดของ นายด่านเลือดแซมบ้าไปโดยปริยาย

ในแมตช์นี้ อลีสซง ก็เอาอีกแล้วโดยจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงต้นจากจังหวะที่ สเปอร์ส เปิดบอลโยนยาว อลีสซง ออกมาถึงบอลแต่รับหลุดมือ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สกัดทิ้งไปได้ อีกจังหวะเกิดขึ้นในนาทีที่ 23 อลีสซง ออกมาโหม่งสกัดไปชน เจมส์ มิลเนอร์ ยังดีที่เจ้าตัวหันกลับมาคว้าได้ทันก่อนเข้าทาง แฮร์รี่ เคน ที่อยู่ใกล้ๆ ไม่งั้นคงไม่เหลือซาก

    มีร้ายก็มีดีเพราะอย่างน้อยๆ ในครึ่งหลัง อลีสซง โชว์ซูเปอร์เซฟในจังหวะที่ เคน ได้ซัดเต็มข้อก่อนบอลจะกระดอนมาเข้าทาง คริสเตียน เอริคเซ่น ตามซ้ำเน้นๆ แต่ติดโรเบิร์ตสัน ตามบล็อกได้หวุดหวิด รวมไปถึงจังหวะที่
กระนั้นชัยชนะในเกมนี้คงทำให้ สาวก "เดอะ ค็อป" ลืมความผิดพลาดของ โกล์แซมบ้า ไปอีกครั้ง


5.  ฟาน ไดค์ คุมค่า 75 ล้านปอนด์
    ฟาน ไดค์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของ ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะหากมองถึงความนิ่ง, ใจเย็น และพร้อมที่จะเติมเกมบุกช่วยทีม ต้องยอมรับว่า แนวรับชาวดัตช์รายนี้ เป็นกองหลังที่ครบเครื่องสำหรับวงการลูกหนังยุคมิลเลนเนียมอย่างแท้จริง

    หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการอวยเกินไปแต่ศักยภาพของ ฟาน ไดค์ มีส่วนคล้ายคลึงกับ ฟรังโก้ บาเรซี่ ยอดแนวรับของ เอซี มิลาน ในยุครุ่งเรืองช่วงยุค 80-90 แต่ตอนนี้เจ้าตัวอาจจะยังไม่ถึงชั้น ตำนานกองหลังทีมชาติอิตาลี เพราะยังขาดความสำเร็จร่วมกับสโมสร

    สำหรับแมตช์นี้ ฟาน ไดค์ โชว์ให้เห็นถึงการเล่นที่นิ่งมากๆ โดยเฉพาะการจัดการกับลูกโยนยาวของ สเปอร์ส รวมไปถึงจังหวะชี้เป็นชี้ตายที่อาจจะส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ของ "เดอะ เร้ดส์" ทันที ตอนที่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 1-1 และ สเปอร์ส ได้จังหวะสวนกลับเร็ว

    ตอนนั้น มุสซ่า ซิสโซโก้ หลุดเดี่ยวโดยมี ซน ฮึง-มิน วิ่งประคองขณะที่เจ้าบ้านเหลือแค่ ฟาน ไดค์ คนเดียว โดยจังหวะนั้น สตาร์กองหลังดัตช์ แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมในการวิ่งประคองไม่เข้าพรวดทำให้ ซุสโซโก้ ไม่กล้าส่งบอลให้ หัวหอกเกาหลีใต้ แถม ฟาน ไดค์ บีบให้เจ้าตัวต้องยิงด้วยเท้าที่ไม่ถนัด ส่งผลให้บอลเหินข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้น

    บอกเลยว่าในจังหวะนั้นหากเป็นกองหลังที่ไม่นิ่ง แน่นอนว่ามีสิทธิ์เข้าพรวด และอาจจะทำให้คู่แข่งหลุดเดี่ยว หรือได้จังหวะส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมสบายๆ ฉะนั้นหลายคนที่เคยคิดว่า "หงส์แดง" ทุ่มเงินซื้อกองหลังราคา 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,075 ล้านบาท) คุ้มไหม คำตอบคงเห็นกันมาแล้วหลายนัด !!!

SHARE ON