4. ลากาเซ็ตต์ ตอบแทนความไว้วางใจ
อูไน เอเมรี จัดทัพโดยใช้ อเล็กซองดร์ ลากาเซ็ตต์ จับคู่ในแดนหน้าร่วมกับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ในเกมบุกเยือน ซาน เปาโล สเตเดี้ยม ซึ่งให้ไม่บ่อยครั้งนักในฤดูกาลนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาหมายมั่นปั้นมือในการเปิดเกมรุกแลกกับเจ้าถิ่น นาโปลี แม้จะเป็นฝ่ายตุนสกอร์มา 2-0 จากเกมเลกแรกที่ เอมิเรตส์ สตเดี้ยม
และท้ายที่สุดก็กลายเป็น ลากาเซ็ตต์ ที่สามารถตอบแทนความไว้วางใจของนายใหญ่ชาว สเปน สำเร็จกับประตูโทนจากลูกฟรีคิกของเจ้าตัวตั้งแต่ครึ่งแรก และกลายเป็นประตูชัยให้กับ อาร์เซนอล ในเกมนี้
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. อาจจะกลายเป็นเกมบอกลา แรมซีย์
อารอน แรมซีย์ ได้ออกสตาร์ทอยู่ด้านหลัง โอบาเมยอง และ ลากาเซ็ตต์ คอยปั้นเกมให้กับศูนย์หน้าทั้งสองรายและเขาก็ทำหน้าที่ทั้งรุกและรับได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม
กระทั่งเจ้าตัวเข้าปะทะกับผู้เล่นของ นาโปลี จนกล้ามเนื้อแฮมสตริงเกิดกระตุกขึ้นมาจนเจ้าตัวไม่สามารถเล่นต่อไหวและถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก
อาการบาดเจ็บดังกล่าวมักใช้เวลาฟื้นตัวหลายสัปดาห์ก่อนที่นักฟุตบอลจะกลับมาลงสนามได้ขณะที่เวลาที่เหลือของฤดูกาลนี้เหลืออีกไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งเกมที่ ซาน เปาโล อาจได้กลายเป็นเกมสุดท้ายของเจ้าตัวในยูนิฟอร์ม ไอ้ปืนใหญ่ ไปเรียบร้อย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. สถิติที่น่าสนใจหลังเกม
* อาร์เซนอล สามารถรักษาคลีนชีทในเกม ยุโรป 9 จาก 11 เกมหลังสุด โดยเสียไปเพียงแค่ 4 ประตูเท่านั้นจาก 11 เกมดังกล่าว
* นาโปลี ปราชัยในเกม ยุโรป ติดต่อกัน 3 นัดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2013
* ไอ้ปืนใหญ่ มีสถิติครองบอลเพียงแค่ 30.3 เปอร์เซ็นต์ในเกมที่ ซาน เปาโล นับเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่การดวลกับ บาเยิร์น มิวนิค ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017
* อูไน เอเมรี เป็นผู้จัดการทีมที่สามารถเก็บชัยชนะในศึก ยูโรป้าลีก รอบน็อคเอาท์ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 26 นัด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. เอเมรี ลูบปากในเกมรอบรองชนะเลิศ
แม้ บาเลนเซีย จะมีครึ่งฤดูกาลหลังใน ลา ลีกา ที่น่าประทับใจ รวมทั้งยังสามารเข้าชิง โกปา เดล เรย์ เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี รวมทั้งทะลุตัดเชือกในถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014
ท้ังนี้ ทีมที่เขี่ย ลอส เช ร่วงจากรอบรองชนะเลิศในปีดังกล่าวก็คือ เซบียา ของ อูไน เอเมรี นั่นเอง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------