ผลบอลออนไลน์ 24 ชม. อัพเดตตลอด ข่าวบอล

5 องค์กรใหญ่ ใส่ใจกีฬา พร้อมพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน

5 องค์กรใหญ่ ใส่ใจกีฬา พร้อมพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน
arrow_drop_down

ทุกวันนี้เราได้รู้จักคำว่า "ความรับผิดชอบต่อสังคม" มากขึ้น ผ่านทางหน้าข่าว หน้าสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ที่บริษัท หรือ องค์กร ให้ความสำคัญในการลงมาทำกิจกรรมนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นของสังคมโดยรวม

ทุกวันนี้เราได้รู้จักคำว่า "ความรับผิดชอบต่อสังคม" มากขึ้น ผ่านทางหน้าข่าว หน้าสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ที่บริษัท หรือ องค์กร ให้ความสำคัญในการลงมาทำกิจกรรมนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นของสังคมโดยรวม

ทุกวันนี้เราได้รู้จักคำว่า "ความรับผิดชอบต่อสังคม" มากขึ้น ผ่านทางหน้าข่าว หน้าสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ที่บริษัท หรือ องค์กร ให้ความสำคัญในการลงมาทำกิจกรรมนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นของสังคมโดยรวม

 ถามว่า กิจกรรมความรับผิดต่อสังคม มันคืออะไร?

    คำนี้เราจะเห็นได้บ่อยครั้งในรูปแบบของคำว่า CSR หรือ Corporate Social Responsibility แปลตามความหมายเลยก็คือ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร

    CSR เป็นเครื่องมือที่กลุ่มบริษัท หรือ องค์กร ที่ดำเนินการธุรกิจของตัว ควบคู่ไปกับการใส่ใจดูแลรักษาสังคมและสิ่งแวดล้อ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน

    หลักการของธุรกิจกับความรับผิดชอบทางสังคม จึงอยู่บนฐานความเชื่อว่า ธุรกิจ กับสังคม จะต้องอยู่ร่วมกัน อย่างช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ช่วยกันลดจุดอ่อนต่อกัน

    ในประเทศไทย ภาพความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร นั้นเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นมาก บางที่ช่วยเหลือในรูปแบบการศึกษา ผู้หญิง เด็ก หรือทางด้านการส่งเสริมด้านกีฬา

    ทุกวันนี้ กีฬา คือกิจกรรมที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และยังช่วยสร้างเสริมสุขภาพที่ดี เป็นประโยชน์ ซึ่งการทำ CSR ด้านกีฬาในประเทศไทย ตัวอย่างองค์กรที่ทำเรื่องนี้คือ แสนสิริ กลุ่มธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

 

 แสนสิริ จัดตั้ง โครงการ Sansiri Academy ที่กำลังเข้าสู่ปีที่ 11 โดยมีรูปแบบคือ สอนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน ให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 7-15 ปี มีการฝึกซ้อมกันในทุกเช้าวันเสาร์ – อาทิตย์แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และไม่จำเป็นต้องเป็นลูกบ้าน หรือลูกของพนักงานแสนสิริ

    รู้หรือไม่ว่า "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลดีกรีทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่เพิ่งได้รับหมายเลข 10 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย คือผู้เล่นที่เติบโตจาก SANSIRI ACADEMY และต่อยอดพัฒนาตัวเองจนสามารถไปเล่นฟุตบอลอาชีพที่ประเทศญี่ปุ่น กับสโมสรคอนซาโดเล่ ซัปโปโร

    ในปัจจุบัน SANSIRI ACADEMY มีทั้งหมด 6 สาขาได้แก่ สาขา รามอินทรา, ประชาชื่น, อ่อนนุช, พุทธมณฑล, อักษะ และภูเก็ต

 

    ไมโล ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กร ที่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดย ไมโล ได้จัดการแข่งขันฟุตซอล "ไมโล ฟุตซอล 2019 Road to Barcelona" ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตซอลในระดับเด็กและเยาวชนของประเทศอายุระหว่าง 7-15 ปี กิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 และได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกฝ่าย

    กิจกรรม "ไมโล ฟุตซอล 2019 Road to Barcelona" เป็นความร่วมมือกันของ ไมโล, สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), กระทรวงศึกษาธิการ, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลน่า มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เด็กไทยเติบโตสู่ความสำเร็จด้วยกีฬาเพราะกีฬาคือครูชีวิต และปลูกฝั่งแรงบันดาลใจ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กและเยาวชนประสบความสำเร็จในชีวิต

    และในการแข่งขัน ไมโล ฟุตซอล ครั้งนี้ จัดเป็นสนามแรกในประเทศไทยที่ได้ใช้ กรีน การ์ด มาเป็นหนึ่งในกติกาเพื่อมอบให้กับน้องๆ ที่แสดงถึงความมีน้ำใจนักกีฬาในระหว่างการแข่งขัน โดยน้องๆ นักกีฬาที่ได้รับไมโล กรีน การ์ดจะได้รับเกียรติบัตรที่ออกโดยไมโล และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเป็นการชื่นชมและเชิดชูเกียรติให้กับนักกีฬา ที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อนักกีฬาคนอื่นๆ ซึ่งจะมอบให้กับนักกีฬาตอนสิ้นสุดเกมการแข่งขัน

 

  ขณะที่ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บริษัทด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทย ก็ใส่ใจในเรื่องสังคมเช่นกัน โดยจุดเริ่มต้นคือ หลังจาก เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2014/15 คิง เพาเวอร์ ได้ริเริ่มโครงการ CSR ภายใต้แนวคิด "คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย" อย่างจริงจัง ซึ่งเราได้เห็นจากหลายกิจกรรมผ่านสื่อต่างๆ โดยหลักๆ คือ ด้านกีฬา ที่มีโครงการ Fox Hunt เป็นตัวชูโรง

    โครงการ Fox Hunt คือการค้นหาเพชรเม็ดงามในวงการนักเตะเยาวชนไทยไปฝึกกับทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ในแต่ละปีโครงการนี้จะส่งเด็กๆ ที่ได้รับการคัดเลือก ไปฝึกศาสตร์ลูกหนัง ณ ประเทศอังกฤษ ซึ่งชุดล่าสุด ก็เป็น Fox Hunt รุ่นที่ 4 ที่เพิ่งเดินทางไปเมื่อไม่นานนี้

    รวมถึงโครงการ "ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย" ซึ่งแจกลูกฟุตบอลจำนวน 1 ล้านลูกให้กับเด็กไทยทั่วประเทศ ภายในปี 2565 เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีลูกฟุตบอลไว้เตะ ไว้เล่นกับเพื่อนๆ และโครงการ "100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย" โดยการมอบสนามฟุตบอลหญ้าเทียมมาตรฐานระดับสากลให้แก่โรงเรียนและชุมชน ที่ได้รับการคัดเลือก จำนวน 100  สนามภายในระยะเวลา 5 ปี

    ทั้งหมดนี้ก็เพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านกีฬา หรือ Sport Power ให้กับคนไทยที่มีใจรักกีฬาฟุตบอล มีฝีมือ มีพรสวรรค์ แต่ยังขาดโอกาส ช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นเตะบอลคว้าความฝันได้เร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบัน จากการสนับสนุนด้านกีฬาของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีคนไทยได้ไปเล่นในลีกยุโรปแล้ว 2 คนกับสโมสร โอเอช ลูเวิน ในลีกเบลเยียม คือ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย และธาวิน มหจินดาวงษ์ ฟ็อกซ์ ฮันท์ รุ่นที่ 1 รวมถึงดาวรุ่งจาก ฟ็อกซ์ ฮันท์ รุ่นที่ 2 ที่ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพและจะเดินทางในเดือนตุลาคมนี้อีก 3 คน คือ วรากร เขตสมุทร, ธนธรณ์ น้ำจันทร์ และณพนันท์ ทิพย์อักษร

    ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นคนไทยได้เล่นในพรีเมียร์ลีก การแข่งขันฟุตบอลที่คนทั้งโลกจับจ้อง เพื่อแสดงศักยภาพ พลังของคนไทยให้โลกได้รับรู้

 

 

 ในองค์กรระดับโลก อย่าง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ผู้นำนวัตกรรมยานยนต์  ก็มุ่งมั่นในการสร้างประโยชน์อันยั่งยืน สร้างความสัมพันธ์กับชุมชน โดยทาง CSR ของบีเอ็มดับเบิลยูนั้น จะยึดเป็นรูปแบบในการทำกิจกรรม 2 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ด้านสุขภาพและการศึกษา ซึ่งทำต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี

    ด้านกีฬา บีเอ็มดับเบิลยู มอบเงินจากกิจกรรมในการจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 33 รวมทั้งเงินสมทบจากผู้เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟสมัครเล่นในรายการ BMW Golf Cup International 2018 เพื่อสมทบมูลนิธิชัยพัฒนาภายใต้โครงการ "ทำดีเพื่อพ่อ" ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการแสดงความมุ่งมั่นในการทำความดีตามรอยเบื้องพระยุคลบาท และเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

 

 

แบรนด์สินค้ากีฬาระดับโลกอย่างอาดิดาส ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ก็มุ่งเน้นในงานความรับผิดชอบต่อสังคมเช่นเดียวกัน

    อาดิดาส มีรายงานเรื่องการสร้างสรรค์รองเท้าทำจากพลาสติกริมทะเล รวมไปถึงพลาสติกขวดจำพวกพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) และตาข่ายจับปลาด้วย นำมารีไซเคิล

    เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย CSR รวมถึงยังผลิตเสื้อฟุตบอลที่รีไซเคิลจากพลาสติก ใช้วัสดุและสิ่งพิมพ์ที่เป็นมิตรต่อทรัพยากรน้ำให้กับ สโมสร บาเยิร์น มิวนิค และเรอัล มาดริด ลงแข่งขันมาแล้ว รวมถึง อเล็กซานดอร์ ซเวเรฟ นักเทนนิสชื่อดังในการแข่งขัน ออสเตรเลียน โอเพ่น

    นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ รองเท้า ที่ผลิตครั้งแรก 7,000 คู่ ใช้วัสดุรีไซเคิลขยะพลาสติกในท้องทะเลและสิ่งพิมพ์ที่เป็นมิตรต่อทรัพยากรน้ำจาก Parley Ocean Plastic® ซึ่งรวบรวมมาได้จากบริเวณแนวชายฝั่งของมัลดีฟส์ เพื่อมุ่งหวังในการคงภาพลักษณ์ถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรมหาสมุทรที่ยั่งยืน

    Eric Liedtke หนึ่งในคณะกรรมการบริหารอาดิดาส พูดถึงในเรื่องนี้ ว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาของบริษัทและพาร์ลี่ย์ ที่ไม่ได้ผลิตแค่รองเท้าจากพลาสติกในทะแล แต่ยังผลิตเสื้อที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิลในทะเล 100% และจากรายงานปี 2018 อาดิดาส ผลิตรองเท้ามากกว่า 5 ล้านคู่ที่ทำจากขยะพลาสติก และวางแผนจะเพิ่มการผลิตขึ้นอีกเท่าตัวในปีนี้

    สรุปแล้ว ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร หรือ CSR นั้น เป็นเหมือนการตอบแทนสิ่งดีๆ ต่อสังคม เมื่อพวกเขาดำเนินธุรกิจของตัวเองภายใต้จริยธรรมที่ดีแล้วนั้น ต้องมีการใส่ใจรักษาสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์สุขของทั้งองค์กรและสังคมเอง เพื่อความพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

SHARE ON