- ชัยชนะที่ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่าง
ใครที่ได้ชมเกมนี้คงจะได้เห็นกันว่า นี่คือชัยชนะที่ ลิเวอร์พูล ต้องแลกด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เพราะเป็นเกมที่ตึงเครียดมากๆ, ไม่ง่าย, แถมนักเตะหลายคนมีอาการล้าให้เห็น และแน่นอน เป็นชัยชนะที่ต้องเซ่นด้วยการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เจ็บหนักจนต้องถูกหามออกจากสนาม
- เจ้าหนูเทรนต์มีทั้งดีและแย่
เป็นสิ่งที่เห็นมาตลอดเกี่ยวกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล เพราะหลายคนคงจะรู้ดีว่า เขาเป็นฟูลแบ็กที่โดดเด่นเรื่องเกมรุก แต่เกมรับถือเป็นจุดอ่อน และเกมนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน เพราะเขาเป็นคนทำ 2 แอสซิสต์ให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ ซาลาห์ ทำคนละประตู แต่จังหวะที่โดนตีเสมอ 1-1 นั้น เขาคือคนที่ต้องรับผิดชอบ เพราะหลุดตำแหน่งที่ปล่อยให้ แม็ตต์ ริตชี่ ได้ตบบอลเข้ากลางโล่งๆ ซึ่งก็โชคดีมากๆ สำหรับเจ้าตัวด้วย ที่รอดจากการโดนใบแดง จังหวะที่ยกแขนไปบล็อกลูกยิงของ ซาโลมอน รอนดอน... ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบคุณ คริสเตียน อัตซู ที่ตามยิงซ้ำเข้าไป เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น "หงส์แดง" อาจจะต้องเสียทั้งประตูและตัวผู้เล่น
- คู่หูฟูลแบ็กประวัติศาสตร์
2 แอสซิสต์ที่ทำได้ในเกมนี้ ทำให้ "เจ้าหนูเทรนต์" ทำแอสซิสต์ในศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ไปแล้ว 11 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายจอมขยันของทีม พอดิบพอดี และนั่นทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่มีผู้เล่นกองหลังถึงสองคนที่ทำแอสซิสต์แตะหลัก 10 ครั้งภายในฤดูกาลเดียว
- ความเกร็งครอบงำ
เห็นได้ชัดว่า เป็นเกมที่เครียดมากๆ สำหรับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเห็นได้ในหลายๆ จังหวะ โดยเฉพาะการผ่านบอลที่พลาดง่ายๆ หลังจากที่โดน นิวคาสเซิ่ล ตีเสมอ 2-2 แถมเกมรับในแมตช์นี้ก็ดูหลวมๆ ด้วย
- สปิริตที่น่ายกย่อง
หลังจากที่ผ่านพ้นเกมนี้ด้วยการได้สามแต้ม ทำให้มีความรู้สึกว่า ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะได้แชมป์หรือไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่ ลิเวอร์พูล ทำได้น่าประทับใจมากๆ ในซีซั่นนี้คือ "สปิริตที่ยอดเยี่ยม" เพราะหลายเกมแล้วที่ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เอาตัวรอดจากเกมยากๆ มาได้พร้อมกับชัยชนะ และเกมนี้ก็เช่นกัน รวมถึงอีกหลายๆ เกมช่วงท้ายซีซั่นที่สลับกันนำสลับกันตามกับ แมนฯ ซิตี้
- 100 ประตูของ ซาลาห์ ในลีกยุโรป
ประตูที่ ซาลาห์ ยิงให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1 ถือเป็นประตูที่ 100 ของเจ้าตัวในการเล่นลีกยุโรป โดยแบ่งเป็น 56 ประตูในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (ลิเวอร์พูล / เชลซี), 35 ประตูในเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี (ฟิออเรนติน่า / อาแอส โรม่า) และ 9 ประตูในศึก สวิส ซูเปอร์ ลีก (บาเซิ่ล)
- แต่...อาการของ ซาลาห์ น่าเป็นห่วง!
เกมนี้ ลิเวอร์พูล ได้ชัยชนะ แต่สิ่งที่น่ากังวลคืออาการบาดเจ็บตรงศีรษะของ ซาลาห์ ซึ่งก็ต้องรอดูผลการตรวจเช็คอาการอีกที ดูแล้วโอกาสน่าจะอยู่ที่ 50/50 สำหรับการได้ลงเล่นในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองฯ นัดสอง กับ บาร์เซโลน่า ที่ แอนฟิลด์ วันอังคารที่ 7 พฤษภาคมนี้
- ใครว่าสำรองไร้ประสิทธิภาพ???
หลายๆ คนรวมถึงตัวผมเองก็มองว่า ลิเวอร์พูล มีจุดอ่อนที่ขุมกำลังสำรอง แต่ไปๆ มาๆ ไปเจอสถิติหนึ่งจากทวิตเตอร์ของ OPTA ที่บอกว่า ประตูชัยที่ โอริกี้ โหม่งเข้าไปนั้น ถือเป็นประตูที่ 12 ของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ที่ได้มาจากผู้เล่นตัวสำรอง ซึ่งมากกว่าทุกๆ ทีมในลีก!!! แถมคนแอสซิสต์ลูกนี้ก็มาจาก เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่เกมนี้ลงเป็นตัวสำรองด้วยเช่นกัน
- 94 แต้ม!!!
เป็นตัวเลขที่บ้าไปแล้วจริงๆ ถ้าเป็นซีซั่นอื่น ลิเวอร์พูล คงเข้าป้ายซิวแชมป์ไปนอนกอดแล้วแบบง่ายๆ ซึ่งตัวเลขจะเพิ่มขึ้นไปแตะหลัก 97 ด้วย หากเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในเกมปิดซีซั่นได้ แต่ถ้ามองกันตอนนี้ที่ได้ 94 แต้ม ถือเป็นการทำแต้มสูงสุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก เลยทีเดียว โดยเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้ 100 แต้มในซีซั่นที่แล้ว และ เชลซี ที่ทำได้ 95 แต้มในซีซั่น 2004/05 เท่านั้น
- หาคำตอบในเกมปิดซีซั่น
ด้วยการที่ ลิเวอร์พูล เก็บสามแต้มในเกมนี้ได้ ทำให้เป็นที่แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ว่า เราจะได้รู้ทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2018/19 ในเกมสุดท้ายของซีซั่น ไม่ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะชนะ, เสมอ หรือ แพ้ ในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ วันจันทร์นี้